เรื่อง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

อ่าน 153365 | ตอบ 3

          เนื้อหาทั้งหมด

 

  • จุดมุ่งหมายในการแต่ง

  • ที่มาของเรื่อง

  • ลักษณะคำประพันธ์

  • มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ( ร้อยกรอง )

  • มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ( ร้อยแก้ว )

  • แนวคิดสำคัญ

  • คุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่ปรากฏในร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี

  • คำศัพท์

  • เนื้อเรื่องย่อของกัณฑ์ต่างๆ

  • ตัวละครกับการกลับชาติมาเกิด

  • บทเพลงที่ใช้ประกอบการเทศน์มหาชาติแต่ละกัณฑ์

  • การเทศน์มหาชาติ

  • หนังสือที่เกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก

  • ความรู้เพิ่มเติม

จุดมุ่งหมายในการแต่ง

ร่ายยาวมหาเสสันดรชาดก แต่งขึ้นเพื่อใช้เทศน์มหาชาติ เนื่องจากร่ายยาวหมาเสสันดรชาดกเป็นชาดกเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นชาติที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเสสันดรซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายก่อนจะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วเสด็จออกผนวชกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องราวในพระชาติที่เป็นพระเวสสันดรได้ทรงบำเพ็ญทศบารมี ครบทั้ง ๑๐ ประการ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ทานบารมี ซึ่งทรงบริจาคบุตรทารทาน คือ บริจาคพระชาลี พระกัณหา และพระนางมัทรี จึงเป็นชาติที่สำคัญและยิ่งใหญ่ เรียกว่า “มหาชาติ” หรือ “มหาเสสันดรชาดก”
 

ที่มาของเรื่อง

เรื่องมหาเวสสันดรชาดกมีที่มาจากเหตุการณ์ครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธบิดาและพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ บรรดาพระประยูรญาติไม่ปรารถนาจะทำความเคารพพระพุทธเจ้า ด้วยทรงคิดว่าพระพุทธองค์ทรงมีพระชนมายุน้อยกว่า พระพุทธองค์ทรงทราบความคิดของเหล่าพระประยูรญาติ จังทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ โดยเสด็จขึ้นสู่นภากาศ แล้วปล่อยให้ฝุ่ละอองธุลีพระบาทตกลงสู่เศียรของพระญาติทั้งหลาย พระประยูรญาติจึงได้ละทิฐิแล้วถวายบังคมพระพุทธเจ้า ขณะนั้นได้เกิดฝนโบกขรพรรษ พระภิกษุทั้งหลายเห็นเป็นอัศจรรย์จึงกราบทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสว่า ฝนชนิดนี้เคนตกต้องพระประยูรญาติของพระองค์มาครั้งหนึ่งแล้วในอดีต แล้วทรงแสดงธรรมเรื่องมหาเวสสันดรชาดกหรือเรื่องมหาชาติแก่พระภิกษุเหล่านั้น

ร่ายยาวมหาเสสันดรชาดก เป็นเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก หรือที่เรียกว่า พระเจ้าสิบชาติชาดก แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้

๑. นิบาตชาดก เป็นชาดกที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฏกมีจำนวน ๕๕๐ เรื่อง ที่เรียกว่านิบาตชาดก เพราะจัดไว้เป็นหมวดหมู่ตามจำนวนคาถา แบ่งเป็น ๒๒ นิบาต มีตั้งแต่คาถาเดียว จนถึง ๘๐ คาถา เรียกชื่อตามจำนวนคาถา เช่น ชาดกที่มีคาถาเดียว เรียกว่า เอกนิบาตชาดก ชาดกที่มี ๒ คาถา เรียกว่า ทุกนิบาตชาดก ชาดกที่มีคาถามากเกิน ๘๐ คาถาขึ้นไป มีจำนวน ๑๐ ชาดก เรียกว่า พระเจ้า ๑๐ ชาติ ทศชาติชาดก หรือ มหานิบาตชาดก

๒. ปัญญาสชาดก คือ นิทานสุภาษิตหรือนิทานอิงธรรมที่ภิกษุชาวเชียงใหม่แต่งไว้เป็นภาษาบาลีประมาณปี พ.ศ. ๒๐๐๐ – ๒๒๐๐ เป็นนิทานเก่าแก่ที่เล่าต่อกันมา ถือเป็นชาดกนอกคัมภีร์พระพุทธศาสนา มีจำนวน ๕๐ เรื่อง

ลักษณะคำประพันธ์

แต่งเป็นร่ายยาว คำประพันธ์ประเภทร่ายยาว หนึ่งบทจะมีกี่วรรคก็ได้ แต่ส่วนมากมี ๕ วรรคขึ้นไป วรรคหนึ่ง ๆ มีตั้งแต่ ๖ คำขึ้นไป ถึง ๑๐ คำหรือมากกว่า มีบังคับเฉพาะระหว่างวรรค คือ คำสุดท้ายของวรรคจะส่งสัมผัสไปที่คำที่ ๑ ถึง ๕ ของวรรคต่อไป เมื่อจบตอนมักมีคำสร้อย เช่น “นั้นแล” “นี้แล”

ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นร่ายยาวสำหรับเทศน์ จะมีคำศัพท์บาลีขึ้นก่อน แล้วแปลเป็นภาษาไทย แล้วจึงมีร่ายตาม ในระหว่างการดำเนินเรื่องจะมีคำบาลีคั่นเป็นระยะ ๆ คำบาลีนั้นมีความหมายเกี่ยวเนื่องกับข้อความที่ตามมา

การอ่านคำประพันธ์ประเภทร่าย

การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทร่าย นิยมอ่านหลบเสียงสูงให้ต่ำลงในระดับของเสียงที่ใช้อยู่ ส่วนเสียงตรีที่หลบต่ำลงนั้นอาจเพี้ยนไปบ้าง เช่น น้อยน้อย เป็น นอยนอย แต่เสียงจัตวา แม้จะหลบเสียงต่ำลงมักจะไม่เพี้ยน

การอ่านร่ายทุกชนิดจะอ่านทำนองเหมือนกัน คือ ทำนองสูงด้วยเสียงระดับเดียวกัน และการลงจะหวะจะอยู่ที่ท้ายวรรคของทุกวรรค ส่วนจะอ่านด้วยลีลาใดนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ตามเนื้อความ ดังนี้

เนื้อความแสดงอารมณ์เศร้า ใช้น้ำเสียงเบาลง สั่นเครือ และทอดเสียงให้ช้าลงกว่าปกติ

เนื้อความแสดงอารมณ์โกรธ ใช้น้ำเสียงหนักแน่น เน้นเสียงดังกว่าปกติ กระชับ สั้น

เนื้อความแสดงอารมณ์ขบขัน ผู้อ่านต้องพยายามทำเสียงให้แสดงถึงความขบขัน โดยที่ ตัวเองต้องไม่หัวเราะขณะอ่าน

เนื้อความบรรยายหรือพรรณนา ต้องอ่านตามอารมณ์ของเนื้อความนั้น เช่น บรรยายหรือพรรณนาความงาม ใช้น้ำเสียงแจ่มใส ไม่ดัง หรือไม่เบาเกินไป

เนื้อความแสดงความศักดิ์สิทธิ์หรือยิ่งใหญ่ ใช้น้ำเสียงหนักแน่น เน้น แต่ไม่ห้วน

เนื้อความสั่งสอน ใช้น้ำเสียงไม่ดังหรือเบาเกินไป เน้นคำที่สั่งสอน แต่ไม่ห้วน

เนื้อความบรรยายการต่อสู้ ใช้น้ำเสียงดัง หนักแน่น ห้วน กระชับ

เนื้อความแสดงความตกใจ ใช้น้ำเสียงหนักเบา เสียงสั่นตามเนื้อความ

เนื้อความตัดพ้อต่อว่า ใช้น้ำเสียงหนักบ้าง เน้นบ้าง สะบัดเสียงบ้าง

การอ่านร่ายพยายามอ่านให้จบวรรค เพราะจังหวะหลักของร่ายทุกชนิดจะอยู่ที่ปลายวรรค ซึ่งเป็นคำส่งสัมผัส ส่วนจังหวะเสริมจะอยู่ที่คำรับ ดังนั้นเมื่ออ่านถึงคำรับสัมผัสจะต้องเน้นเสียงหรือทอดเสียง ซึ่งเป็นเสมือนการแบ่งวรรคไปในตัว เช่น ลูกรักเจ้าแม่เอย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอน จังหวะหลักอยู่ที่คำส่งสัมผัส คือ เอย จังหวะเสริมอยู่ที่คำรับสัมผัส คือ เคย

การอ่านตอนจบผู้อ่านจะต้องทอดเสียงให้ยาวกว่าการทอดเสียงท้ายวรรคอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ฟังรู้ว่าเรื่องที่ฟังกำลังจะจบแล้ว และเป็นการสร้างความประทับใจให้ผู้ฟังต้องการฟังอีก

ความรู้เกี่ยวกับร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก

เทศน์คาถาพัน เรื่องมหาเวสสันดรชาดกเดิมแต่งเป็นฉันท์ภาษาบาลี สันนิษฐานว่านักปราชญ์ชาวอินเดียฝ่ายใต้เป็นผู้แต่ง ชาดกเรื่องนี้มี ๑๓ กัณฑ์ แต่งจบด้วยคาถา ๑,๐๐๐ คาถา เรียกว่า “คาถาพัน” ในตอนแรกนำเรื่องมหาเวสสันดรชาดกมาเทศน์สั่งสอนประชาชน โดยเทศน์เป็นภาษาบาลีล้วน ๆ ถือกันว่าผู้ใดฟังครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ จะได้บุญมาก แต่การฟังเทศน์เป็นภาษาบาลีนั้นทำให้ผู้ฟังไม่รู้เรื่องจึงมีการแปลมหาเวสสันดรเป็นภาษาไทย

เทศน์มหาชาติ เรื่องมหาเวสสันดรชาดกเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า ตอนเสวยชาติเป็นพระเวสสันดรซึ่งเป็นชาติสุดท้าย ที่ทรงบำเพ็ญทานบารมีอย่างยอดยิ่ง คือ บุตรทารทานบารมี ได้แก่การบริจาคโอรส ธิดา และมเหสีให้เป็นทาน จึงถือว่าชาดกนี้สำคัญกว่าชาดกอื่น ๆ จึงเรียกว่า “เทศน์มหาชาติ” แปลว่า ชาติที่ยิ่งใหญ่สำคัญ เพราะเป็นชาติสุดท้าย จากนั้นพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ( ร้อยกรอง )

( สา มทฺที ) ปางนั้นส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญา จำเดิมแต่พระนางเธอลีลาล่วงลับพระอาวาส พระทัยนางให้หวั่นหวาดพะวงหลัง ตั้งแต่พระทัยเป็นทุกข์ถึงพระเจ้าลูกมิลืมเลย เดินพลางทางเสวยพระโศกพลาง พระนัยเนตรทั้งสองข้างไม่ขาดสายพระอัสสุชล พลางพิศดูผลาผลในกลางไพรที่นางเคยได้อาศัยทรงสอยอยู่เป็นนิตย์ผิดสังเกต เหตุไฉนไม้ที่ผลเป็นพุ่มพวง ก็กลายกลับเป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร แถวโน้นก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดนั่นก็สายหยุดประยงค์และยมโดย พระพายพัดก็ร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แม่ยังได้เก็บดอกมาร้อยกรองไปฝากลูก เมื่อวันวานก็เพี้ยนผิดพิสดารเป็นพวงผล ผิดวอกลแต่ก่อนมา ( สพฺพา มุยฺหนฺ เม ทิสา ) ทั้งแปดทิศก็มืดมิดมัวมนทุกแห่งหน ทั้งขอบฟ้าก็ดาษแดงเป็นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง ( ทกฺขิณกฺขิ ) พระนัยนเนตรก็พร่าง ๆ อยู่พรายพร้อย ในจิตใจของแม่ยังน้อยอยู่นิดเดียว ทั้งอินทรีย์ก็เสียว ๆ สั่นระรัวริก แสรกคานบันดาลพลิกพลัดลงจากพระอังสา ทั้งขอน้อยในหัตถาที่เคยถือ ก็เลื่อนหลุดลงจากมือไม่เคนเป็นเห็นอนาถ เอ๊ะประหลาดหลากแล้วไม่เคยเลย โอ้อกเอ๋ยมหัศจรรย์จริง ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ่ง ๆ กรอมพระทัย เป็นทุกข์ถึงพระลูกรักทั้งสองคน เดินพลางนางก็รีบเก็บผลาผลแต่ตามได้ ใส่กระเช้าสาวพระบาทบทจรดุ่มเดินมาโดยด่วน พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีดวิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา ทรงพระกันแสงโศกาไห้พิไรร่ำว่ากรรมเอ๋ยกรรม กรรมของมัทรี โอเวลาปานฉะนี้พระลูกน้อยจะคอยหาอนึ่งมรคาก็ช่องแคบหว่างคีรี เป็นตรอกน้อยรอยวิถีที่เฉพาะจร ทั้งสามสัตว์ก็มาเนื่องนอนสกัดหน้า ครั้นจะลีลาหลีกลัดตัดเอาไปทางใดก็เหลือเดิน ทั้งสองข้างเป็นโขดเขินขอบคันข้นกั้นไว้ ( นีเจ โวลมฺพเก สุริเย ) ทั้งเวลาก็เย็นลงเย็นลงไร ๆ จะค่ำแล้ว ยังไม่เห็นหน้าพระลูกแก้วของแม่เลย อกเอ๋ยจะทำไฉนดี จึ่งจะได้วิถีทางที่จะครรไล พระนางจึ่งปลงหาบคอนลงวอนไหว้แล้วอภิวาทน์ ข้าแต่พญาพาฬมฤคราชอันเรืองเดช ท่านก็เป็นพญาสัตว์ในหิมเวศวนาสณฑ์ จงจงผินพักตร์ปริมณฑลทั้งสามรา มารับวันทนาน้อมไปด้วยทศนัขเบญจางค์ ( เม เมาะ มยา ) แห่งน้องนางนามชื่อพระมัทรี ( ราชปุตฺตี ) น้องก็กลายเป็นกัลยาณี หน่อกษัตริย์มัททราชสุริยวงศ์ อนึ่งน้องเป็นเอกองค์อัครบริจาริกากรแห่งพระเวสสันดรราชฤๅษี อันจำจากพระบุรีมาอยู่ไพร น้องนี้ก็ตั้งใจสุจริตติดตามมาด้วยกตเวที อนึ่งพระสุริยศรีก็ย่ำสนทยาสายัณห์แล้ว เป็นเวลาพระลูกแก้วจะอยากนมกำหนดเสวย พระเจ้าพี่ของน้องเอ๋ยพระสามรา ขอเชิญกลับไปยังรัตนคูหาห้องแก้ว แล้วจะได้เชยชมซึ่งลูกรักและเมียขวัญ อนึ่งน้องนี้จะแบ่งปันผลไม้ให้สักกึ่ง ครึ่งหนึ่งน้องจะขอไปฝากพระหลานน้อย ๆ ทั้งสองรา ( มคฺคํ เม เทถ ยาจิตา ) พระเจ้าพี่ทั้งสามของน้องเอ่ย จงมีจิตคิดกรุณาสังเวชบ้าง ขอเชิญล่วงครรไลให้หนทาง พนาวันอันสัญจร แก่น้องที่วิงวอนอยู่นี้เถิด

( ตโย เทวปุตฺตา ) ส่วนเทพเจ้าทั้งสามองค์ได้ทรงฟังพระเสาวนีย์ พระมัทรีเธอไหว้วอนขอหนทาง พระพักตร์นางนองด้วยน้ำพระเนตร เทพพระเจ้าก็สังเวชในวิญญาณ ก็พากันอุฏฐาการคลาไคลให้มรคาแก่นางพระยามัทรี พอแจ่มแจ้งแสงศศิธร นางก็ยกหาบคอนขึ้นใส่บ่า เปลื้องเอาพระภูษามาคาดพระถันให้มั่นคง วิ่งพลางนางทรงกันแสงพลาง ยะเหยาะเหย่าทุกฝีย่างไม่หย่อนหยุด พักหนึ่งก็ถึงที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจ้าเคยประพาสแล่นเล่น ประหลาดแล้วแลไม่เห็นก็ใจหาย ดั่งว่าชีวิตนางจะวางวายลงทันที จึ่งตรัสเรียนว่าแก้วกัณหาพ่อชาลีของแม่เอ่ย แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนพระลูกแก้วจึ่งมิมาเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนแต่ไรซิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมาคอยรับพระมารดา ทรงพระสรวลสำรวลร่าระรื่นเริงรีบเอาขอคานแล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้ แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไห้ว่าจะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ ( วจฺฉา พาลาว มาตรํ ) มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง ปองที่ว่าจะชมแม่เมื่อสายัณห์ โอพระจอมขวัญของแม่เอ่ย เจ้ามิเคยได้ยากย่างเท้าลงเหยียบดิน รินก็มิได้ไต่ไรก็มิได้ตอม เจ้าเคยฟังแต่เสียงพี่เลี้ยงเขาขับกล่อมบำเรอด้วยดุริยางค์ ยามบรรทมธุลีลมก็มิได้พัดมาแผ้วพาน แม่สู้พยาบาลบำรุงเจ้าแต่เยาว์มา เจ้ามิได้ห่างพระมารดาสักหายใจ โอความเข็ญใจครั้งนี้นี่เหลือขาด สิ้นสมบัติพลัดญาติยังแต่ตัวต้องไปหามาเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวทุกเวลา แม่มาสละเจ้าไว้เป็นกำพร้าทั้งสององค์ ( หํสาว ) เสมือนหนึ่งลูกหงส์เหมราชปักษิน ปราศจากมุจลินท์ไปตกคลุกในโคลนหนอง สิ้นสีทองอันผ่องแผ้ว แม่กลับมาถึงแล้วได้เชยชมชื่นสบาย ที่เหนื่อยยากก็เสื่อมหายคลายทุกข์ทุเลาลง ลืมสมบัติทั้งวงศาในวังเวียง โอ แต่ก่อนเอยแม่เคยได้ยินแต่เสียงเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยู่ตรงนี้ ( อิทํ ปทวลญฺชํ ) นั่นก็รอยเท้าพ่อชาลี นี่ก็บทศรีแม่กัณหาพระมารดายังแลเห็น โน่นก็กรวดทรายเจ้ายังรายเล่นเป็นกอง ๆ สิ่งของทั้งหลายเป็นเครื่องเล่นยังเห็นอยู่ ( น ทิสฺสเร ) แต่ลูกรักทั้งคู่ไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย ( อยํ โส อสฺสโม ) โอ พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนนี่ดูสดใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไน เรไรร้องอยู่หริ่ง ๆ ระเรื่อยโรย โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับกระโคมไพร โอ เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะโศกเศร้า เออ ชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวอโยกพลัดพรากไปจากอกพระมารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้ นางก็กลับเข้าไปทูลพระราชสามีด้วยสงสัยว่า พระพุทธเจ้าข้า ประหลาดใจกระหม่อนฉัน อันสองกุมารไปอยู่ไหนไม่แจ้งเหตุ หรือพากันไปเที่ยวลับพระเนตรนอกตำแหน่ง สิงห์สัตว์ที่ร้ายแรงคะนองฤทธิ์ มาพานพบขบกัดตัดชีวิตพระลูกข้าพาไปกินเป็นอาหาร ถึงกระนั้นก็จะพบพานซึ่งกเลวระร่าง มิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอัน แต่พอแม่ได้รู้สำคัญว่าเป็นหรือตาย สุดที่แม่จะมุ่งหมายสุดประมาณแล้ว จึ่งตรัสว่าโอ้เจ้าแว่นแก้วสุดสว่างอกของแม่เอ่ย แม่เคยได้รับขวัญเจ้าทุกเวลา เป็นไรเล่าเจ้าจึ่งไม่มาเหมือนทุกวัน ( มตา )หรือว่าพระลูกเจ้าอาสัญสูญสิ้นพระชนมาน อยู่ในป่าพระหิมพานต์นี้แล้วแล๚ล๚

เมื่อสมเด็จพระมัทรีเธอกราบทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอมิได้ตรัสปราศรัยจำนรรจา นางยิ่งกลุ้มกลัดขัดพระอุราผะผ่าวร้อน ข้อนพระทรวงทรงพระกันแสงว่าเจ้าแม่เอ่ย แม่มิเคยได้เคืองแค้นเหมือนหนึ่งครั้งนี้ เมื่อจากบุรีทุเรศมา ก็พร้อมหน้าทั้งลูกผัวเป็นเพื่อนทุกข์ สำคัญว่าจะเป็นสุขประสายากเมื่อยามจน ครั้นลูกหายทั้งสองคนก็สิ้นคิด บังคมทูลพระสามีก็มิได้ตรัสแต่สักนิดสักหน่อยหนึ่ง ท้าวเธอก็ขึงขังตึงพระองค์ ดูเหมือนพระขัดเคืองเต็มเดือดด้วยอันใด นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัย ดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน อุปมาเหมือนคนไข้หนักแล้วมิหนำยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้ำให้เวทนา เห็นชีวานี้คงจะไม่รอดไปสักกี่วัน พระคุณเอ่ย วาสนามัทรีไม่สมคะเนแล้ว พระทูลกระหม่อมแก้วจึ่งชิงชังไม่พูดจา ทั้งลูกรักดังแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนาอุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นเที่ยงแท้ ถ้าแม้นพระองค์ไม่ทรงเลี้ยงมัทรีไว้ จะนิ่งมัธยัสถ์ตัดเยื่อใยไม่โปรดบ้าง ก็จะเห็นแต่กเลวระร่างซากศพของมัทรี อัมโทรมตายกายกลิ้งอยู่กลางดง เสียเป็นมั่นคงนี้แล้วแล

( อถ มหาสตฺโต ) สมเด็จพระราชสมภาร เมื่อได้สดับสารพระมัทรีเธอแสนวิโยคโศกศัลย์สุดกำลัง ถึงแม้นจะมิตรัสกับนางมั้งจะมิเป็นการ จำจะเอาโวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลง จึ่งเอื้อนโองการตรัสประภาษว่า ( นนุ มทฺทิ ) ดูกรนางนาฏ พระน้องรัก ( ภทฺเท ) เจ้าผู้มีพักตร์อันผุดผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้ำทองมาทาบทับประเทืองผิว ราวกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลงจากฟ้า ใครได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มจะหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์ชายให้เชยชื่น จะนั่งนอนเดินยืนก็ต้องอย่าง ( วราโรหา ) พร้อมด้วยเบญจางคจริตรูปจำเริญ โฉมประโลมโลกล่อแหลมวิไลลักษณ์ ( ราชปุตฺตี ) ประกอบด้วยเชื้อศักดิ์สมมุติวงศ์พงศ์กษัตรา เออก็เมื่อเช้าเจ้าจะเข้าป่าน่าสงสารปานประหนึ่งว่าจะไปมิได้ ทำร้องไห้ฝากลูกมิรู้แล้ว ครั้นคลาดแคล้วเคลื่อนคล้อยเข้าสู่ดง ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกสละผัวต่อมืดมัวจึ่งกลับมา ทำเป็นบีบน้ำตาตีอกว่าลูกหาย ใครจะไม่รู้แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลัยอยู่ด้วยลูกจริง ๆ เหมือนวาจา ก็จะรีบกลับเข้ามาแต่วี่วันไม่ทันรอน เออนี่เจ้าเที่ยวพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวันสารพันที่จะมี ทั้งฤๅษีสิทธ์วิทยาธรคนธรรพ์ เทพารักษ์ผู้มีพักตร์อันเจริญ เห็นแล้วก็น่าเพลิดเพลินไม่เมินได้ หรือเจ้าปะผลไมประหลาด รสสดสุกทรามเสวยไม่เคยกิน เจ้าฉวยชิมชอบลิ้นก็หลงฉันอยู่จึ่งช้า อุปมาเสมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อน เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์ หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้หน้าแล้วลืมหลังไม่แลเหลียว เที่ยวทอดประทับมากลางทาง อันว่าพระนางสิเป็นหน่อกษัตริย์จะไปไหนก็มีแต่กลดกั้น พานจะเกรงแสงสุริยันไม่คลาเคลื่อน เจ้ารักเดินด้วยแสงเดือนชมดาวพลาง ได้น้ำค้างกลางคืนชื่นอารมณ์สมคะเน พอมาถึงก็ทำเสขึ้นเสียงเลี่ยงเลี้ยวพาโลว่าลูกหาย เออนี่เจ้ามิหมายว่าใคร ๆ ไม่รู้ทันกระนั้นกระมัง หรือเจ้าเห็นว่าพี่นี้เป็นชีอดจิตคิดอนิจจังทิ้งพยศอดอารมณ์เสีย เจ้าเป็นเพียงแต่เมียควรหรือมาหมิ่นได้ ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกรเหมือนแต่ก่อนเก่า หากว่าเจ้าทำเช่นนี้ กายของมัทรีก็จะขาดสะบั้นลงทันตา ด้วยพระกรเบื้องขวาของอาตมานี้แล้วแล

( สา มทฺที ) ส่วนสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี เมื่อได้สดับคำพระราชสามีบริภาษณานาง ที่ความโศกก็เสื่อมสร่างสงบจิตเพราะเจ็บใจ จึ่งก้มพระเศียรลงกราบไหว้แล้ววันทนาพลาง นางจึ่งทูลสนองพระราชบัญญัติว่า พระพุทธเจ้าข้า ควรมิควรสุดแท้แต่จะทรงพระกรุณาโปรดที่โทษานุโทษเป็นล้นเกล้า ด้วยข้าพระพุทธเจ้ากลับมาเวลาค่ำ ทั้งนี้เพราะเป็นกระลีขึ้นในไพรวัน พฤกษาทุกสิ่งสารพันก็แปรปรวนทุกประการ ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผัดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียนเปลี่ยนเป็นพยับมืดไม่เห็นหน ข้าพระบาทนี่ร้อนรนไม่หยุดหย่อนแต่สักอย่าง แต่เดินมายังเกิดประหลาดลางขึ้นในกลางพนาลี พบพญาราชสีห์สองเสือทั้งสามสัตว์สกัดหน้าไม่มาได้ ต่อสิ้นแสงอโณทัยจึ่งได้คลาเคลื่อน ใช่จะเป็นเหมือนพระองค์ดำรินั้นก็หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ตั้งแต่เกล้ากระหม่อมฉันตกมาเป็นข้าน้อย พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อน จึงเคืองค่อนด้วยคำหยาบยอกใจเจ็บจิตเหลือกำลัง พระคุณเอ่ยจะคิดดูมั่งเป็นไรเล่าว่า มัทรีนี้เป็นข้าเก่าแต่ก่อนมาดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน นอกจากนั้นที่แน่นอนคือ นางไหนอันสนิทชิดใช้แต่ก่อนกาล ยังจะติดตามพระราชสมภารมาบ้างละหรือ ได้แต่มัทรีแสนดื้อผู้เดียวดอก ไม่รู้จักปลิ้นปลอกพลิกไพล่เอาตัวหนี มัทรีสัตยาสวามิภักดิ์รักผัวเพียงบิดาก็ว่าได้ ถึงจะยากเย็นเข็ญใจก็ตามกรรม ( วนมูลผล หาริยา ) อุตสาหะตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้ ถึงที่ไหนจะรกเรี้ยวก็ซอกซอนอุตส่าห์เที่ยวไม่ถอยหลัง จนเนื้อหนังข่วนขาดเป็นริ้วรอย โลหิตไหลย้อยทุกหย่อมหนามอารามจะใคร่ ได้ผลาผลไม้มาปฏิบัติลูกบำรุงผัว ถึงกระไรจะคุ้มตัวก็ทั้งยากน่าหลากใจ อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกของมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรดปรานีว่ามัทรีนี้เป็นเพื่อนยากอยู่จริง ๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย พระคุณเอ่ยถึงพระองค์จะสงสัย ก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางที่ทดแทน ( รามํ สีตาวนุพฺพตา ) อุปมาแม้นเหมือนสีดาอันภักดีต่อสามีรามบัณฑิต ปานประหนึ่งว่าศิษย์กับอาจารย์ พระคุณเอ่ยเกล้ากระหม่อมฉานทำผิดแต่เพียงนี้ เพราะว่าล่วงราตรีจึ่งมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดซึ่งโทษานุโทษกระหม่อมฉันมัทรี แต่ครั้งเดียวนี้เถิด๚ล๚

เมื่อสมเด็จพระยอดมิ่งเยาวมาลย์มัทรี กรายทูลพระราชสามีสักเท่าใด ๆ ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น ถวายบังคมคืนออกมาเที่ยวแสวงหาพระลูกรักทุกหนแห่ง กระจ่างแจ้งด้วยแสงพระจันทร์ส่องสว่างพื้นอัมพรประเทศวิถี นางเสด็จจรลีไปหยุดยืนในภาคพื้นปริมณฑลใต้ต้นหว้า จึ่งตรัสว่า ( อิเม เต ชมฺพุกา รุกฺขา ) ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มประชุมช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆพราย ๆ ต้องกับแสงกรวดทรายที่ใต้ต้นอร่ามวามวาวดูเป็นวงวนแวว ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยโรยรอบปริมณฑลก็เหมือนกัน งามดั่งไม้ปริชาตในเมืองสวรรค์มาปลูกไว้ ลูกรัก เจ้าแม่เอ่ย เจ้าเคยมาอาศัยนั่งนอนประทับร้อนสำราญร่มรื่น ๆ สำรวลเล่นเย็นสบายพระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อยเรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่ง ๆ แต่ลูกรักของแม่ทั้งชายหญิงไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย ( มหานิโค.รธชาตํ ) อนิจจาเอ่ยเห็นแต่ไทรทองถัดกันไป กิ่งก้านใบรากห้อยยื่นระย้า เจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกันแกว่งไกว แล้วเล่นไล่ปิดตาเร้นแทบหลังบริเวณพระอาวาส (อิมาตา โปกฺขรณี รมฺมา ) เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาสไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไร จึ่งขอดขุ่นลงหมอง พระพายเจ้าเอ่ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟอง บ้างก็ขึ้นล่องว่ายอยู่ลอยเลื่อยชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียนวน นกเจ้าเอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น พระลูกเอ่ยเจ้าเคยมาเที่ยวเล่นแม่แลไม่เห็นแล้ว โอ้แลเห็นแต่สระแก้วอยู่อ้างว้างวังเวงใจ นางก็เสด็จครรไลล่วงตำบลเที่ยวค้นหาพระลูกตามลำเนาเนินป่า ทุกสุ่มทุมพุ่มพฤกษาสูงยูงยางใหญ่ไพรระหง พนัสแดนดงเย็นยะเยือกเงียบสงัดเหงา ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ พระกรรณเธอสังเกตว่าสองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยู่แว่ว ๆ ให้หวาดว่าสำเนียงพระลูกแก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสด็จลีลาเข้าไปดู เห็นหมู่สัตว์จตุบาทกลาดกลุ้มเข้าสุมนอน นางก็ยิ่งสะท้อนถอนพระทัยเทวษครวญเสด็จด่วน ๆ ดะดุ่มเดินเมิงมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังใหวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระแก้วเจ้าบ่นอยู่งึม ๆ พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเลื่อมเป็นรูปคนตะคุ่ม ๆ อยู่คล้าย ๆ แล้วหายไป สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งเสียแล้วกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดล่ะห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื่องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล

( ภิกฺขเว ) ดูกรสงฆ์ผู้ทรงพรหมจารี เมื่อสมเด็จพระมัทรีกำสรดแสนกัมปนาทเพียงพระสันดานจะขาดจะดับสูญ ( ปริเทวิตฺวา ) นางเสวยพระอาดูรพูนเทวษในพระอุรา น้ำพระอัสสุชลนาเธอไหลนองครองพระเนตร ทรงพระกันแสงแสนเทวษพิไรร่ำ ตั้งแต่ประถมยามค่ำไม่หย่อนหยุดแต่สักโมงยาม นางเสด็จไต่เต้าติดตามทุกตำบลละเมาะไม้ไพรสณฑ์ศิขริน ทุกห้วยธารละหานหินเหวหุบก้องคูหาวาส ทรงพระพิไรร้องก้องประกาศเกริ่นสำเนียง พระสุรเสียงเธอเยือกเย็นระย่อทุกอกสัตว์ พระพายรำเพยทุกกิ่งก้านบุษบงก็เบิกบานผกากร รัศมีพระจันทร์ก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะเศร้าโศกแสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย ทั้งรัศมีพระสุริโยทัยส่องอยู่รางๆขึ้นเรืองฟ้า เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ไห้หาละห้อยโหย พระกำลังนางก็อิดโรยพิไรร่ำร้อง พระสุรเสียงเธอกู่ก้องกังวานดง เทพเจ้าทุกพระองค์กอดพระหัตถ์เงี่ยพระโสตสดับสาร พระเยาวมาลย์เธอเที่ยวหาพระลูก พระนางเธอเสวยทุกข์แสนเข็ญ ตั้งแต่ยามเย็นจนรุ่งเช้าก็สุดสิ้นที่จะเที่ยวค้น ทุกตำแหน่งแห่งละสามหนเธอเที่ยวหา ( ปณฺณรสโยชนมคฺคํ ) ถ้าจะคลี่คลายขยายมรคาก็ได้สิบห้าโยชน์โดยนิยม นางจึ่งเซซังเข้าไปสู่พระอาศรมบังคมบาทพระภัสดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวางวายทำลายล่วง สองพระกรเธอข้อนทรวงทรงพระกันแสงครวญคร่ำแล้วรำพันว่า โอ้เจ้าดวงสุริยันจันทรทั้งคู่ของแม่เอ่ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระมารดาไปสู่พาราใดไม่รู้ที่ หรือว่าข้ามนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด ถ้ารู้แจ้งประจักษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไปจนสุดแรง นี่ก็เหลือที่แม่จะเที่ยวแสวงสืบเสาะหา เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น โอ้พระลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้ กัณหาชาลีลูกรักแม่ นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วหนอ ใครจะกอดพระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่จะเข้าที่บรรจถรณ์ เจ้าเคียงเรียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี แต่แม่นี้จะกล่อมใครให้นิทรา โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น สำคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากผีพึ่งลูกทั้งสองคน มิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณ เจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดต้องข้องอยู่ด้วยอาลัย เจ้าทิ้งชื่อและโฉมไว้ให้เปล่าอกในวิญญาณ์ เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นหน้าเจ้าอยู่หลัด ๆ ควรและหรือมาสลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนางแก้วกัลยาณี น้อมพระเกศีลงทูลถามหวังจะติดตามพระลูกรักทั้งสองรา กราบถวายบังคมลาลุกเลื่อนเขยื้อนยกพระบาทเยื้องย่าง พระกายนางให้เสียวสั่นหวั่นไหวไปทั้งองค์ ดุจชายธงอันต้องกำลังลมอยู่ลิ่ว ๆ สิ้นพระแรงโรยเธอโหยหิวระหวยทรวง พระศอเธอหงุบง่วงดวงพระพักตร์เธอผิดเผือดให้แปรผัน จะทูลสั่งก็ยังมิทันที่ว่าจะทูลเลย แต่พอตรัสว่าพระคุณเจ้าเอ๋ยคำเดียวเท่านั้น ก็หายเสียงเอียงพระกายบ่ายศิโรเพฐน์ พระเนตรหลับหับพระโอษฐ์ลงทันที ( เวสญฺญ หุตฺวา ) นางถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า นั้นแลฯลฯ

( อถ มหาสตฺโต ) ปางนั้นสมเด็จพระเวสสันดรอดุลดวงกษัตริย์ ตรัสทอดพระเนตรเห็นพระอัคเรศถึงวิสัญญีภาพสลบลงวันนั้น พระทัยท้าวเธอสำคัญว่าพระนางเธอวางวายสะดุ้งพระทัยหายว่าโอ้อนิจจามัทรีเจ้าพี่เอ๋ย บุญพี่นี้น้อยแล้วนะเจ้าเพื่อนยาก เจ้ามาตายจากพี่ไปในวงวัด เจ้าจะเอาป่าชัฏนี่หรือมาเป็นป่าช้า จะเอาพระบรรณศาลานี่หรือเป็นบริเวณพระเมรุทอง จะเอาแต่เสียงสาลิกาอันร่ำร้องนั้นหรือมาเป็นกลองประโคมใน จะเอาแต่เสียงจักจั่นและเรไรอันร่ำร้องนั่นหรือมาต่างแตรสังข์และพิณพาทย์ จะเอาแต่เมฆหมอกในอากาศนั่นหรือมากั่นเป็นเพดาน จะเอาแต่ยูงยางในป่าพระหิมพานต์มาต่างฉัตรเงินและฉัตรทอง จะเอาแต่แสงพระจันทร์อันผุดผ่องมาต่างประทีปแก้วโอภาส อนิจจามัทรีเอ่ยมาตายอเนจอนาถไร้ญาติที่กลางดง ครั้นท้าวเธอค่อยคลายลงที่โศกศัลย์ จึ่งผันพระพักตร์มาพิจารณาก็รู้ว่ายังไม่อาสัญ จึ่งเข้าไปยังพระคันธกุฎีจับเอาคนทีอันเต็มไปด้วยน้ำมาทันใด ตั้งแต่พระองค์ทรงพระผนวชไพรมาได้ถึงเจ็ดเดือนปลาย จะได้ต้องพระกายนางมัทรีก็หามิได้ เมื่อความทุกข์พ้นวิสัยที่จะกำหนดว่าอาตมะนี้เป็นดาบสฤๅษี ยกเศียรพระมัทรีขึ้นใส่ตักวักเอาพระวารีมาโสรจสรงลงที่อุระพระมัทรี หวังว่าจะให้ชุ่มชื่นฟื้นสมปฤๅดีคืนมาแห่งนางพระยา นั้นแลฯลฯ

( ภิกฺขเว ) ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิสิกขา เมื่อสมเด็จพระมัทรีเธอได้สมปฤาดีคืนมา นางพระยาเจ้าละอายแก่เทพยาดานัก ด้วยตัวตัวมานอนอยู่บนตักพระราชสามีมิบังควร ( อุฏฐาย ) จึงอุฏฐาการโดยด่วนเลื่อนพระองค์ลงจากพระราชสามี พระมัทรีจึ่งทูลถามว่าพระพุทธเจ้าข้า พระลูกรักทั้งสองเราไปอยู่ไหนนะฝ่าพระบาท ท้าวเธอจึ่งตรัสประภาษว่า ดูกรเจ้ามัทรี อันสองกุมารนี้พี่ให้เป็นทานแก่พราหมณ์แต่วันวานนี้แล้ว พระน้องแก้วเจ้าอย่าโศกศัลย์ จงตั้งจิตของเจ้านั้นให้โสมนัสศรัทธา ในทางอันก่อกฤดาภินิหารทานบารมี ( ลจฺฉาม ปุตตฺ ชีวนฺตา ) ถ้าเราทั้งสองนี้ยังมีชีวิตสืบไป อันสองกุมารนี้ไซร้ ก็คงจะได้พบกันเป็นมั่นแม่น ถึงแสนสัตพิธรัตน์เครื่องอลงการซึ่งพระราชทานไปนั้นเราก็จะได้ด้วยพระทัยหวัง ( ทชฺชา สปฺปุริโส ทานํ ) มัทรีเอ่ย อันอริยสัตบุรุษเห็นปานดั่งตัวพี่ฉะนั้น ถึงจะมีข้าวของสักเท่าใด ๆ ( ทิสฺวา ยาจกมาคเต ) ถ้าเห็นยาจกเข้ามาใกล้ไหว้วอนขอไม่ย่อถ้อในทางทาน จนแต่ชั้นลูกรักยอดสงสารพี่ยังยกให้เป็นทานได้ อันสองกุมารนี้ไซร้เป็นแต่ทานพาหิรกะภายนอกไม่อิ่มหนำ พี่จะใคร่ให้อัชฌัติกทานอีกนะเจ้ามัทรี ถ้าแม้นมีบุคคลผู้ใดปรารถนาเนื้อหนังมังสังโลหิตดวงหทัยนัยนเนตรทั้งซ้ายขวา พี่ก็จะแหวะผ่าให้เป็นทานไม่ย่อท้อเพียงนี้ มัทรีเอ่ย จงศรัทธาด้วยอนุโมทนาทานในกาลบัดนี้เถิด

สมเด็จพระมัทรีทูลสนองพระโองการว่า พระพุทธเจ้าข้า แต่วันวานนี้เหตุไฉนจึ่งทราบเกล้า ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้องเอ่ย พี่จะเล่าให้เจ้าฟังก็สุดใจ ด้วยเจ้ามาแต่ป่ายังเหนื่อยนัก พี่เห็นว่าความร้อนความรักจะรุกอก ด้วยสองดรุณทารกเป็นเพื่อนไร้ เจ้ามัทรีเอ่ย จงผ่องใสอย่าสอดแคล้น อันสองพระลูกแก้วไปไกลเนตร พระนางจึ่งตรัสว่า พระพุทธเจ้าข้าอันสองกุมารนี้ เกล้ากระหม่อมฉานได้อุตสาหะถนอม ย่อมพยาบาลบำรุงมา ขออนุโมทนาด้วยปิยบุตรทานบารมี ขอให้น้ำพระหฤทัยพระองค์จงผ่องแผ้วอย่ามีมัจฉริยธรรมอกุศล อย่ามาปะปนในน้ำพระทัยของพระองค์เลย ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้องเอ่ย ถ้าพี่มิได้ให้ด้วยเสื่อมใสศรัทธาแท้แล้ว ที่ไหนเลยแผ่นดินดานจะกัมปนาทหวาดหวั่นไหวจลาจล ท้าวเธอเล่านุสนธิ์มหัศจรรย์ อันมีอยู่ในกัณฑ์กุมารบรรพ กลับมาเล่าให้พระมัทรีฟังแต่ในกาลหนหลังนี้แล้วแล

( สา มฺที ) ส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรบวรราชธิดามหาสมมุติวงศ์วิสุทธิสืบสันดานมา ( วราโรหา ) ทรงพระพักตร์ผิวผ่องดุจเนื้อทองไม่เทียมสี ( ยสสฺสินี ) มีพระเกียรติยศอันโอฬารล้ำเลิศวิไลลักษณ์ยอดกษัตริย์ อันทรงพระศรัทธาโสมนัสนบนิ้วประนมน้อมพระเศียรเคารพทาน ท้าวเธอก็ก็ชื่นบานบริสุทธิ์ด้วยปิยบุตรมิ่งมกุฎทานอันพิเศษ ฝ่ายฝูงอมรเทเวศทุกวิมานมาศมนเทียรทุกหมู่ไม้ ก็ยิ้มแย้มพระโอษฐ์ ตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน ร้องสาธุการสรรเสริญทานบารมี ทั้งสมเด็จอมรินทร์เจ้าฟ้าสุราลัยอันเป็นใหญ่ในดาวดึงส์สวรรค์ ก็มาโปรยปรายทิพยบุปผากรอง ทั้งพวงแก้วและพวงทองก็โรยร่วงจากกลีบเมฆกระทำสักการบูชาแก่สมเด็จนางพระยามัทรี ท้าวเธอทรงกระทำอนุโมทนาทาน ( เวสสฺสนฺตรสฺส ) แห่งพระเวสสันดรราชฤๅษีผู้เป็นพระภัสดา ( อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน ) ด้วยประการดังนี้แล้วแล

มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ( ร้อยแก้ว )

พระมหาสัตว์เจ้ายังมหาปฐพีอันใหญ่ให้หวั่นไหวด้วยพระราชทานปิยบุตรทั้งสองแก่พราหมณ์ แล้วเกิดโกลาหลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดถึงพรหมโลก โกลาหลอันนั้นหมู่เทพเจ้าชาวป่าหิมพานต์ได้สดับเสียงพิลาปรำพันของสองพระกุมารกุมารีที่พราหมณ์นำไป ก็มีความสงสารประหนึ่งว่าหฤทัยจะแตกทำลาย จึงปรึกษากันว่าถ้าพระนางมัทรีเสด็จกลับมาสู่อาศรมในเวลากลางวัน เมื่อไม่ได้เห็นพระเจ้าลูกทั้งสองก็จะต้องรบกวนทูลถามซึ่งพระเวสสันดร ครั้นได้ทรงทราบว่าพระเวสสันดรได้พระราชทานให้ไปแก่พราหมณ์แล้ว พระนางเธอก็จะต้องวิ่งติดตามด้วยความสิเนหาอันแรงกล้าก็จะเสวยเวทนาอันใหญ่หลวง จำเราทั้งปวงจะคิดหาอุบายกั้นกาง อย่าให้พระนางเธอเสด็จมาได้แต่ในเวลายังวัน

ครั้นปรึกษากันอย่างนี้แล้วจึงพร้อมกันมอบหน้าที่ให้เทพบุตรทั้งสามว่า ท่านทั้งสามจงจำแลงเพศเป็นราชสีห์องค์หนึ่ง เป็นเสือโคร่งองค์หนึ่ง เป็นเสือเหลืององค์หนึ่ง แล้วพากันไปขัดขวางกั้นกางหนทางที่พระนางเธอเสด็จมา ถึงพระนางเธอจะอ้อนวอนสักเพียงไรอย่าอนุญาตให้มาได้ จนกว่าพระอาทิตย์จะอัสดงคต จึงค่อยพากันละลดเลิกถอยหนีไปให้พระนางเธอเสด็จมาด้วยรัศมีจันทร์ แต่ว่าท่านทั้งสามจงพากันป้องกันอย่าให้พระนางเธอเป็นอันตรายด้วยสัตว์ร้ายต่าง ๆ ได้เป็นอันขาด

เมื่อเทพบุตรทั้งสามรับเทวราชปกาสิตของเทพเจ้าเหล่าที่ประชุมอยู่ในสถานที่นั้นแล้ว ก็กระทำตามคำสั่งสอนทุกประการ ฝ่ายพระเยาวมาลย์มาศมัทรีพระนางเธอมีพระหฤทัยไหวหวาดด้วยทรงคำนึงความฝัน แล้วทรงรีบขมีขมันแสวงหามูลผลาหาร แต่บังเอิญเสียมที่พระนางเธอถือก็หลุดจากพระหัตถ์ กระเช้าก็จะพลัดตกลงจากพระอังสา ทั้งพระเนตรเบื้องขวาก็เขม่นอยู่ริก ๆ ต้นไม้ที่พระนางเคยปลิดผลก็เผอิญไม่แลเห็น ท้องฟ้าอากาศก็เป็นประหนึ่งว่ามืดมิดไปทั่วทุกทิศ พระนางเธอก็ทรงหลากจิตว่าเหตุไรหนอจึงเป็นอย่างนี้ ชะรอยจะมีเหตุอันใดอันหนึ่งแก่ตัวเราหรือไม่ก็พระเจ้าลูกทั้งสอง มิฉะนั้นก็พระสวามีเวสสันดรอย่างใดอย่างหนึ่ง

ครั้นทรงคำนึงอย่างนี้แล้วจึงบ่ายหน้าเสด็จกลับแต่ได้มาพบมฤคราชร้ายทั้งสามที่นอนขวางทางพระนางอยู่ พอนางเสด็จจวนถึง มฤคราชทั้งสามนั้นก็พร้อมกันลุกขึ้นยืนสกัดขวางทางพระนางไว้พระนางเธอจึงทรงพิไรรำพันว่า เวลาพระอาทิตย์ก็จวนจะตกต่ำอยู่แล้วทั้งพระอาศรมก็ยังอยู่ไกล พระเจ้าลูกทั้งสองกับพระสวามีคงจะคอยเสวยมูลผลาหารที่เราจะนำไป ป่านนี้พระจอมไทขัตติยาเบศร์คงจักปลอบพระราชโอรสธิดาผู้หิวโหยอยู่ในบรรณศาลาตั้งหน้าทอดพระเนตรคอยเป็นแน่แท้ พระลูกรักทั้งสองของเราก็จักพากันทรงกันแสงด้วยถึงเวลาเสวยแล้ว พระลูกแก้วกัณหาก็คงหิว พระถันธารา หรือไม่อย่างนั้น พระเจ้าลูกทั้งสองก็คงจักมาคอยทางแม่เหมือนกับลูกโคอ่อนที่ชะแง้แลหาแม่โค หรือไม่อย่างนั้นพระลูกทั้งสองคงยืนคอยแม่อยู่แต่ในอาศรม เหมือนกับหงส์ที่ตกอยู่บนเปือกตมฉะนั้น อันหนทางก็ยังอยู่ไกล ทั้งเป็นหนทางน้อยเดินได้แต่ผู้เดียว เราไม่อาจจะเลี้ยวลัดให้พญาสัตว์ทั้งสามนี้ได้ เพราะข้างหน้าหนึ่งก็มีสระ อีกข้างหนึ่งก็มีบึง เราจำเป็นจะอ้อนวอนพญาสัตว์ทั้งสามนี้ให้หลีกหนีจากหนทางเรา

ครั้นทรงพระดำริแล้วจึงปลดกระเช้าผลไม้ลงจากพระอังสาแล้วประคองอัญชลีขึ้นอ้อนวอนว่า ข้าแต่พญามฤคราชผู้ทรงฤทธิรอน ขอท่านทั้งสามจงเห็นแก่ความอ้อนวอนของข้าพเจ้าผู้เป็นพระราชธิดาของมนุษย์ ส่วนท่านทั้งสามก็เป็นราชบุตรของพญามฤคราชเหมือนกัน ข้าพเจ้ากับท่านทั้งสามชื่อว่าเป็นพี่น้องกันโดยทางธรรม ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ท่านทั้งสาม ท่านทั้งสามจงกรุณาหลีกหนทางให้ข้าพเจ้า อันข้าพเจ้านี้เป็นอัครมเหสีของพระราชโอรสกรุงสีพี ซึ่งถูกขับจากประเทศมาบวชเป็นชีไพร ข้าพเจ้านี้มิได้หมิ่นประมาทพระราชสามี จงรักภักดีต่อพระราชสามีอยู่เสมอเป็นเนืองนิตย์ ขอท่านทั้งสามจงนิมิตจิตหลีกหนทางให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ช่วยให้ข้าพเจ้าได้กลับไปเห็นหน้าลูกรักทั้งสองศรี คือชาลีและกัณหา ท่านทั้งสามก็จงพากันแสวงหาอาหารตามต้องการเถิด อีกประการหนึ่ง ลูกไม้หัวมันที่ข้าพเจ้าได้มานี้มีอยู่มาก ข้าพเจ้าจะแบ่งให้ท่านทั้งสามเสียกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งจักนำไปฝากพระลูกรักและแลผัวขวัญ ขอท่านทั้งสามจงรีบด่วนให้หนทางแก่ข้าพเจ้า

เมื่อพระนางอ้อนวอนอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งเวลาพระอาทิตย์อัสดงคต พญามฤคราชทั้งสามนั้นจึงพากันละลดหลีกหนทางให้ ในคืนวันนั้นเป็นวันเพ็ญมีพระจันทร์เด่นเต็มดวง พระนางเธอก็ได้เสด็จล่วงมรรคามาจนกระทั่งถึงที่สุดจงกรม เมื่อได้ทรงพบเห็นพระเจ้าลูกทั้งสองในที่ ๆ เคยเห็นมา จึงตรัสว่าเราได้เคยเห็นพระเจ้าลูกทั้งสองพากันยืนคอยต้อนรับอยู่ที่นี้ พอเห็นแม่มาถึงก็พากันวิ่งเข้ารับ แต่วันนี้เหตุไรจึงกลับกลาย เราไม่พบเห็นพระเจ้าลูกทั้งสองเหมือนอย่างที่เคย แม่นี้มีอุปมาเหมือนแม่แพะหรือแม่เนื้อที่ละลูกน้อยไปเที่ยวหากิน หรือเหมือนกับปักษิณที่ทิ้งลูกน้อยไปจากรังหรือแม่ราชสีห์ที่พะว้าพะวังอาหาร ละลูกน้อยไว้ในสถานของตนแล้วเที่ยวไปหากินฉะนั้น วันนี้แม่ได้เห็นแต่รอยเท้าของเจ้าทั้งสองกับกองทรายที่เจ้าทั้งสองเคยกองเล่น วันอื่น ๆ แม่ได้เห็นเจ้าทั้งสองขะมุกขะมอมอยู่ด้วยฝุ่นและทราย พอเห็นแม่มาถึงก็พากันวิ่งรับรองข้าง มาวันนี้แม่รู้สึกอ้างว้างด้วยไม่เห็นหน้าเจ้าทั้งสอง วันก่อน ๆ เจ้าทั้งสองเคยคอยต้อนรับแม่ผู้กลับมาจากป่า เคยชะแง้แลหาแม่เหมือนกับลูกแพะหรือลูกเนื้อทราย อันมีความมุ่งหมายหาแม่ฉะนั้น แต่วันนี้แม่มิได้เห็นหน้าเจ้าทั้งสองเหมือนแต่ก่อนเลย เห็นแต่ผลมะตูมสุกที่เจ้าทั้งสองเคยอุ้มเล่นมาตกกระเด็นอยู่ในที่นี้ โอ้ลูกรักของแม่เอ๋ย เวลานี้ถันทั้งสองเต้าของแม่ที่ลูกกัณหาเคยได้ดูดดื่มมาแต่ก่อนก็เต่งเต็มประดุจว่าจะแตก ใครเล่าเวลานี้จะมาค้นชายพกแม่เพื่อหาของเล่น และใครเล่าจะเข้าเหนี่ยวถันแม่เสวยนม โอ้ พระอาศรมนี้เมื่อก่อนปรากฏแก่เราเหมือนกับมีมหรสพครึกครื้น มาวันนี้ดูช่างเงียบเหงานี่กระไร เราได้ดูอาศรมแล้วประหนึ่งว่าอาศรมหมุนเวียนเหมือนกับแป้นแห่งนายช่างหม้อ โอ้ ไฉนหนอพระอาศรมนี้จึงมาเป็นเช่นนี้ ทั้งฝูงกาและสกุณาชาติทั้งหลายก็มิได้ส่งเสียงขันเหมือนวันก่อน หรือว่าลูกในอุทรของแม่ตายเสียแน่แล้วประการใด หรือว่ามีผู้ใดมานำเอาลูกแม่ไปเสียที่อื่น ลูกแม่จึงไม่เห็นปรากฏเหมือนกับในวันก่อน ๆ

เมื่อพระนางเธอทรงพิลาปรำพันอยู่ดังนี้แล้ว ก็เสด็จเข้าไปเฝ้าพระอดิศรสวามีเวสสันดรราชฤาษี ทรงวางกระเช้าผลไม้ลงแล้วถวายบังคม เมื่อได้เห็นสมเด็จพระเวสสันดรราชฤาษีเสด็จประทับนั่งนิ่งอยู่มิได้ทรงพาที ทั้งมิได้เห็นพระชาลีกัณหา จึงกราบทูลถามว่าข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เหตุไรพระองค์จึงทรงนิ่งอยู่เช่นนี้ ทำให้หัวใจของหม่อมฉันมัทรีนี้หวั่นหวาด ทั้งเมื่อเวลาจวนจะใกล้รุ่งวันนี้ หม่อมฉันมัทรีก็ฝันประหลาดอยู่แล้วพระเจ้าข้า ในเวลานี้ฝูงนกกาไพรและนกต่าง ๆ ก็มิได้ส่งเสียงขับร้อง หรือพระเจ้าลูกทั้งสองพี่น้องตายเสียแล้วประการใด ข้าแต่พระจอมไทธิราชเจ้า มีสัตว์ร้ายคาบเอาพระเจ้าลูกทั้งสองไปเคี้ยวกินเสียแล้วหรือไฉน หรือว่ามีใครนำเอาไปเสียในป่า หรือในทุ่งกว้างอันสุดที่จะแสวงหา หรือว่าพระองค์ให้พระเจ้าลูกทั้งสองให้เป็นทูตไปเฝ้าพระเจ้าสีพี หรือพระเจ้าลูกทั้งสองเข้าไปบรรทมอยู่ในอาศรมนี้ หรือว่าพระเจ้าลูกทั้งสองพากันออกไปเที่ยวเล่นในที่อื่น ขอพระองค์จงตรัสบอกแก่กระหม่อมฉันด้วยเถิด แม้แต่พระเกศาและพระหัตถ์พระบาทของพระเจ้าลูกทั้งสอง ก็มิได้ปรากฏในคลองจักษุของหม่อมฉันหรือนกหัสดีลิงค์จะโฉบเฉี่ยวพระลูกเจ้าทั้งสองของกระหม่อมฉันไปแล้ว ขอพระองค์จงตรัสบอกแก่กระหม่อมฉันด้วยเถิด

เมื่อพระนางมัทรีทูลอ้อนวอนอยู่สักเท่าไรพระมหากษัตริย์เจ้าก็มิได้ตรัสตอบ นางมัทรีจึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้า ทุกข์ที่ข้าพระองค์ไม่ตรัสแก่กระหม่อมฉันนี้เป็นทุกข์อันยิ่งใหญ่กว่าทุกข์ที่ถูกเนรเทศจากเมือง ยังมิหนำซ้ำทุกข์ไม่ได้เห็นหน้าพระเจ้าลูกทั้งสองอีก ขอพระองค์อย่าทรงทรมานกระหม่อมฉันให้ลำบากหัวใจเช่นนี้เลย หัวใจของกระหม่อมฉันเวลานี้เหมือนกับถูกไฟจี้ การที่พระองค์ทรงนิ่งอยู่อย่างนี้ทำให้กระหม่อมฉันลำบากหัวใจยิ่งนัก การที่พระองค์ทรงทำอย่างนี้เหมือนกับคนที่ตกต้นไม้แล้วมีผู้ตีซ้ำอีก หัวใจของกระหม่อมฉันเวลานี้รู้สึกชอกช้ำเหมือนกับถูกลูกศร หัวใจของกระหม่อมฉันเวลานี้เร่าร้อนยิ่งนักในการที่ไม่ได้เห็นพระลูกรักทั้งสอง กระหม่อมฉันขอกราบทูลให้ทรงทราบว่า ถ้ากระหม่อมฉันไม่ได้เห็นหน้าลูกในคืนนี้ หรือพระองค์ไม่ตรัสกับหม่อมฉันในคืนนี้แล้ว เช้าขึ้นพระองค์ก็จะเห็นซากศพของกระหม่อมฉันแน่

พระมหากษัตริย์เจ้าจึงทรงพระดำริว่าจำเราจักห้ามความโศกพระนางด้วยความหึงหวงจึงจะได้ ครั้นทรงพระดำริแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนมัทรีผู้มีรูปสวย อันในป่าหิมพานต์นี้ย่อมมีนายพรานและดาบสหรือวิทยาธรเป็นอันมาก หากเจ้าไปทำอะไรในป่าก็ไม่มีใครจะรู้เห็น เจ้าออกป่าแต่เช้าเป็นอย่างไรจึงกลับมาจนค่ำมืดเช่นนี้ นี่แน่ะแม่มัทรี ธรรมดาหญิงที่ทิ้งลูกหนีไปในป่าเขาจะมีสามีหรือไม่มีก็ตามเขาไม่ทำอย่างนี้ ตัวเจ้าเหตุไรจึงทำเป็นไม่มีห่วงลูกห่วงผัวบ้างเลย ที่ถูกเข้าควรจะนึกถึงลูกบ้างไม่นึกถึงผัวก็ช่างเถิด แต่นี่สิเข้าป่าแต่เช้าจนกระทั่งกลางคืนจึงกลับมา ยากที่เราจะเข้าใจว่าเจ้าไปทำอะไร เมื่อเจ้ามีข้อแก้ไขอย่างไรจงว่ามาอย่าได้ช้า

เมื่อพระนางมัทรีได้ทรงสดับพระวาจาอันเสียดแทงพระหฤทัยเช่นนี้ จึงกราบทูลว่า พระองค์ไม่ได้ยินเสียงราชสีห์เสือโคร่ง สัตว์สี่เท้าสองเท้าและนกอันบันลือร้องในตอนเย็นนี้บ้างหรือ นั่นแหละคืออันตรายที่ทำให้กระหม่อมฉันกลับมาแต่ยังวันไม่ได้ ในเวลาที่กระหม่อมฉันไปแสวงหาลูกไม้หัวมันนั้นเกิดรางร้ายขึ้นหลายประการ คือเสียมก็หลุดมือ กระเช้าก็หลุดจากบ่า และในป่านั้นกระหม่อมฉันรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นขวัญหาย ได้ไหว้วอนเทพเจ้าทั้งหลายให้ช่วยคุ้มครองพระองค์กับพระเจ้าลูกที่อยู่ข้างหลัง แล้วกระหม่อมฉันได้นึกถึงความฝันร้ายในคืนนี้จึงตั้งใจจะกลับมาเร็ว ในกาลนั้นตาของกระหม่อมฉันก็เขม่นอยู่ริก ๆ ทั้งรู้สึกพร่าพราวแลเห็นต้นไม้แปลกไปกว่าแต่ก่อน คือต้นไม้ที่เคยผลิผลก็แลเห็นเป็นไม่มีผล ส่วนต้นไม้ที่ไม่มีผลสิกลับแลเห็นเป็นมีผล กระหม่อมฉันจึงเที่ยวหาผลไม้ได้โดยลำบากนัก พอแสวงหาได้แล้วก็รีบกลับมา ครั้นมาถึงช่องเขาก็มีสัตว์ร้ายสามตัว คือราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง มานอนขวางทางกระหม่อมฉันอยู่ กระหม่อมฉันไม่รู้ที่จะหลีกไปทางไหน ได้กราบไหว้อ้อนวอนต่อสัตว์ทั้งสามอยู่จนกระทั่งพลบค่ำสัตว์ร้ายทั้งสามนั้นจึงหลีกทางให้กระหม่อมฉัน กระหม่อมฉันได้รีบเดินเป็นวิ่งมาจนกระทั่งถึงอาศรมศาลาที่นี้ เหตุที่กระหม่อมฉันไปเช้ากลับมาถึงในเวลากลางคืนอยู่อย่างนี้แหละพระเจ้าข้า ฯ ส่วนพระมหากษัตริย์เจ้าเมื่อพระนางมัทรีกราบทูลชี้แจงอย่างนี้แล้วก็มิได้ตรัสตอบประการใด ทรงนิ่งอยู่จนตลอดราตรี

ฝ่ายพระนางมัทรีก็ได้แต่ทรงโศกร่ำร้องปรับทุกข์ไปตามประสาหญิงด้วยถ้อยคำต่าง ๆ ว่าตัวเราไม่เคยประมาทต่อพระราชสามีเลย ได้ตั้งใจปฏิบัติพระราชสามีเป็นอย่างดีเหมือนศิษย์ปฏิบัติอาจารย์ ได้เที่ยวแสวงหามูลผลาหารในป่ามาเลี้ยงพระสามีแลพระลูกรักทั้งสองทุกวันมา โอ้พระลูกเอ๋ย นี่แน่ะขมิ้นแม่บดไว้สำหรับใช้เวลาเจ้าทั้งสองอาบน้ำ โอ้นี้สิผลมะตูมสุกที่เจ้าทั้งสองเคยเล่น นี่ก็เง่าบัวฝักบัวที่แม่หามาไว้ นี่ก็ลูกกระจับอันมีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของกระหม่อมฉัน ขอพระองค์ได้โปรดเรียกพระลูกทั้งสองมาเสวยลูกไม้หัวมันเถิด ขอพระองค์จงประทานดอกไม้ประทุกแก่พ่อชาลีประทานดอกโกมุทแก่แม่กัณหา ให้พระเจ้าลูกทั้งสองประดับประดาแล้วฟ้อนรำให้ทอดพระเนตร ขอพระปิ่นเกษจงเรียกพระเจ้าลูกทั้งสองให้ตื่นจากบรรทมเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าพลโยธี เราทั้งสองก็ย่อมมีสุขทุกข์เสมอกันได้ถูกขับจากพระนครมาด้วยกัน สมควรที่พระองค์จะทรงพระกรุณาแก่กระหม่อมฉันบ้างอย่าทรงให้กระหม่อมฉันลำบากใจนักเลยพระเจ้าข้า หรือว่าข้ามัทรีมีบาปกรรมได้กระทำมา ได้เคยด่าว่าสมณพราหมณ์ว่าขอให้ท่านพลัดพรากจากบุตรธิดาไว้ในปางก่อนหรืออย่างไร วันนี้กระหม่อมฉันถึงพลัดพรากจากพระลูกรักทั้งสอง

เมื่อพระนางเธอไม่ได้รับคำตอบจากพระราชสามีอย่างนี้แล้ว ก็ถวายบังคมลาออกเที่ยวเสาะแสวงหาพระลูกเจ้าทั้งสองในที่ต่าง ๆ เมื่อพระนางเจ้าไปถึงต้นไม้ที่พระเจ้าลูกทั้งสองเคยเล่นอยู่แต่ก่อนมา พระนางเจ้าก็ทรงปริเทวนารำพันเพ้อต่าง ๆ จนกระทั่งหมู่เนื้อและนกได้ตกใจกลัวด้วยเสียงฝีพระบาทและเสียงร่ำร้องของพระนางเธอ เมื่อพระนางเธอได้ทอดพระเนตรเห็นของเล่น คือตุ๊กตารูปเนื้อทรายตัวเล็ก ๆ รูปกระต่าย รูปนกเค้า รูปชะมด รูปหงส์ รูปนกกะเรียน รูปนกยูง ซึ่งพระลูกทั้งสองได้เคยเล่นมาในกาลก่อน พระนางเจ้าก็ยิ่งทรงสะท้านอาวรณ์ถึงซึ่งพระเจ้าลูกทั้งสอง

แล้วพระนางเจ้าจึงวิ่งกลับไปที่พระอาศรมแล้วกลับออกมาจากพระอาศรมไปเที่ยวแสวงหาตามนานาสถาน มีสระโบกขรณีเป็นต้น แล้วกลับมากราบทูลพระมหาสัตว์อีก เมื่อทรงเห็นพระมหาสัตว์ประทับนิ่งอยู่อีกเหมือนแต่ก่อน จึงกราบทูลตัดพ้อต่อว่า ว่าเหตุไรพระองค์จึงไม่ทรงตักน้ำ ผ่าฟืน ก่อไฟไว้เหมือนวันก่อน ๆ มาทรงนั่งนิ่งอยู่เหมือนอย่างนี้ทำไม ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้าผู้เป็นที่รักของกระหม่อมฉันอย่างยิ่ง ไม่มีผู้ใดจะเป็นที่รักของกระหม่อมฉันยิ่งไปกว่าพระองค์เลย วันก่อน ๆ เวลากระหม่อมฉันกลับมาเห็นพระพักตร์ของพระองค์แล้วก็หายเหน็ดเหนื่อยทุกข์ แต่วันนี้กระหม่อมฉันยิ่งทุกข์ร้อนขึ้นอีก ในการที่พระองค์ไม่ทรงจำนรรจากับกระหม่อมฉัน ทั้งไม่ได้เห็นหน้าของพระลูกเจ้าทั้งสอง เมื่อพระนางเธอเห็นพระมหาสัตว์เจ้าทรงนิ่งอยู่ ก็ทรงโศกเศร้าเป็นกำลังดังประหนึ่งว่ามีลูกศรมาเสียบทรวง มีพระกายสะทกสะท้านปานแม่ไก่ถูกตี ได้ถวายอัญชลีแล้วออกเที่ยวตามหาพระลูกเจ้าทั้งสองอีก

เมื่อไม่ทรงพบเห็นในที่ใด ๆ จึงกลับมาทูลอ้อนวอนถามพระมหาสัตว์เจ้าอีก ฝ่ายพระมหาสัตว์เจ้าก็ไม่ตรัสประการใด พระนางเธอได้เที่ยวแสวงหาพระเจ้าลูกทั้งสองวกไปเวียนมารอบขอบเขตพระบรรณศาลาอยู่ตลอดราตรี ถ้าจะคลี่คลายหนทางทรงออกไปก็ได้ถึง ๑๕ โยชน์โดยคณา พอสิ้นราตรีแล้วพระนางเจ้าก็กลับไปเฝ้าพระมหาสัตว์เจ้าอีก ทรงร้องไห้รำพันด้วยประการต่าง ๆ แล้วทรงยกย่องพระบาทว่าจะออกเที่ยวแสวงหาอีก แต่พอดีพระนางเจ้าได้สิ้นพระสติสัมปฤดีล้มสลบลงที่พื้นพสุธาต่อหน้าพระที่นั่งของพระเวสสันดรราชฤๅษี

ในขณะนั้นพระเวสสันดรราชฤๅษีทรงตกพระทัยว่า พระมัทรีสิ้นพระชนม์ชีพแล้วทรงตระหนกตกประหม่า จนมีพระกายสั่นสะท้านด้วยความโศกศัลย์อันแรงกล้า ออกพระโอษฐ์ว่า เจ้ามัทรีไม่ควรจะมาตายในที่เช่นนี้เลย ถ้าเจ้าตายอยู่ในกรุงสีพีก็จะได้มีการถวายเพลิงเป็นการใหญ่ ประชาชนและกษัตริย์ทั้งสองประเทศก็จะได้ถวายสักการะพิเศษพระศพของเจ้า ครั้นออกพระโอษฐ์อย่างนี้แล้ว จึงรีบเสด็จจากพระบรรณศาลา เพื่อทรงตรวจดูว่าพระนางสิ้นพระชนม์แล้วจริงหรือ เมื่อทรงวางพระหัตถ์เบื้องขวาลงที่พระทรวงของพระนาง ก็ทรงทราบว่าพระนางยังทรงพระชนม์อยู่เพระพระทรวงยังอุ่นอยู่ จึงรีบไปหยิบเอา

พระเต้าลงมาช้อนพระเศียรของพระนางขึ้นวางบนพระเพลา เทน้ำออกจากพระเต้ารดตัวพระนางให้เปียกชุ่ม แล้วทรงวักน้ำลูบพระพักตร์และทรวงของพระนาง ฝ่ายพระนางมัทรีก็ทรงได้สติสมปฤดีขึ้นมา แล้วเคลื่อนพระองค์ลงจากพระเพลาขึ้นถวายบังคมทูลถามว่า พระเจ้าลูกทั้งสองอยู่ที่ไหนพระเจ้าข้า

ก็แลนับแต่พระเวสสันดรได้ทรงบรรพชามาถึง ๗ เดือนแล้ว ยังไม่เคยแตะต้องพระกายของพระนางเลย เพิ่งได้มาแตะต้องในคราวนี้ด้วยความเศร้าโศกอันแรงกล้าเท่านั้น ครั้นพระนางมัทรีทูลถามถึงพระลูกทั้งสอง จึงตรัสตอบว่า ดูก่อนมัทรี พระเจ้าลูกทั้งสองนั้นเราได้ให้แก่พราหมณ์ชราไปเสียแต่วานนี้แล้ว ขอเจ้าจงทรงผ่องแผ้วอนุโมทนาต่อทานบารมีของเราเถิด พระนางมัทรีกราบทูลว่า เหตุไรพระองค์จึงไม่ตรัสบอกกระหม่อมฉันเสียในเวลาคืนนี้เล่า ดูก่อนมัทรี เพราะเราเห็นว่าถ้าเราจะบอกแต่เดิมทีก็กลัวเจ้าจะหัวใจแตกตายด้วยความเสียใจ เพราะฉะนั้น ขอเจ้าอนุโมทนาในเวลานี้เถิด

พระนางมัทรีจึงกราบอนุโมทนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ กระหม่อมฉันขออนุโมทนาปุตตทานอันอุดมของพระองค์ ขอพระองค์จงทรงทำพระหฤทัยให้ผ่องใส ให้พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญทานบารมียิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด เมื่อคนทั้งหลายตกอยู่ในอำนาจของความตระหนี่เหนี่ยวแน่น พระองค์ผู้ทำแว่นแคว้นสีพีให้เจริญได้ทรงพระราชทานซึ่งพระเจ้าลูกทั้งสองให้เป็นทานแก่พราหมณาจารย์แล้ว จัดว่าเป็นทานอันประเสริฐของพระองค์ ฯ ลำดับนั้นพระเวสสันดรจึงตรัสว่า ดูก่อนมัทรี ถ้าเราไม่มีใจเลื่อมใสยินดีแล้ว อัศจรรย์ต่าง ๆ ก็ไม่เกิดมี คือแผ่นดินไหว ฟ้าก็ร้อง ภูเขาก็สะท้านเหมือนกับจะถล่มเป็นที่น่าอัศจรรย์

พระคันถรจนาจารย์จึงสังวรรณนาการไว้ว่าอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้นคือเทพเจ้าทั้งสองหมู่ที่สิงอยู่ในนารทบรรพต ก็ได้อนุโมทนาต่อปุตตทานของพระเวสสันดรอยู่ที่ประตูวิมานแห่งตน ๆ มิใช่แต่เท่านั้น พระอินทร์ พระพรหม ท้าวปชาบดี พระจันทรเทพบุตร พระยม ท้าวเวสสุวัณ เทพเจ้าแห่งดาวดึงส์ มีพระอินทร์เป็นหัวหน้า และเทพเจ้าทุกราศีก็มีใจยินดีอนุโมทนาต่อปุตตทานของพระเวสสันดรขึ้นพร้อมกันว่า ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้า ทานที่พระองค์ทรงบำเพ็ญนี้เป็นทานอันอุดม เป็นอันพระองค์ทรงบำเพ็ญแล้วเป็นอย่างดี ฝ่ายพระนางมัทรีผู้เป็นพระราชบุตรีมียศก็เปล่งสุนทรอนุโมทนาต่อปุตตทานอันอุดมของพระเวสสันดรบรมราชสวามี

แนวคิดสำคัญ

๑. ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่นัก

ด้วยความรักที่พระนางมัทรีมีต่อกัณหาและชาลี นางทุ่มเทกำลังกาย สติปัญญาที่นางมีเพื่อที่จะค้นหาจนหมดสิ้น ทั้งสิ้นเรี่ยวแรงและเสียงที่เรียกร้องหา ดังว่า

“สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตร เธออโศกา จึ่งตรัสว่า โอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้ สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด…”

“เมื่อแม่จะเข้าไปสู่ป่า พ่อชาลีแม่กัณหายังทูลสั่งแม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองรา กลิ่นยังจับนาสาอยู่รวยรื่น โอ้พระลูกข้านี้จะไม่คืนเสียแล้วกระมังในครั้งนี้ กัณหาชาลีลูกรักแม่นับวันแต่ว่าจะแลลับล่วงไปเสียแล้วละหนใครจะกอดพระศอเสวยนมผทมด้วยแม่เล่า ยามเมื่อแม่เข้าที่บรรจถรณ์ เจ้าเคยเคียงเรียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี แต่นี้แม่จะกล่อมให้ใครนิทรา โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น สำคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากผีพึ่งลูกทั้งสองคน มิรู้ว่าจะกลับวิบัติพลัดพรากไม่เป็นผลให้อาเพศผิดประมาณเจ้าเอาแต่ห่วงสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นี้ติดข้องอยู่ด้วยอาลัย เจ้าทิ้งชื่อและโฉมไว้ให้เปล่าอกในวิญญาณ์ เมื่อเช้าแม่จะเข้าไปสู่ป่ายังได้เห็นหน้าเจ้าอยู่หลัดๆ ควรและหรือมาสลัดแม่นี้ไว้ เหมือนจะเตือนให้แม่นี้บรรลัยเสียจริงแล้ว”

พระนางมัทรีเที่ยวค้นหากัณหาและชาลีในป่าถึงสามรอบจนกระทั่งหมดกำลังและและสิ้นสติ แสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่นางมีต่อลูก

 

๒. ผู้ที่จะปรารถนาสิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่จะต้องทำด้วยความอดทนและเสียสละอันยิ่งใหญ่

พระเวสสันดรทรงปรารถนาโพธิญาณต้องทรงบำเพ็ญทานบารมีซึ่งถือเป็นทานอันสูงส่ง พระองค์จำต้องตัดความอาลัยที่มีต่อกัณหาชาลีและพระนางมัทรีลง แม้ว่าในพระทัยของพระองค์นั้นจะเจ็บปวดและเป็นห่วงลูก จึงต้องอดทนแสร้งทำเป็นตัดพ้อคร่ำครวญต่อพระนางมัทรี

…(นนุ มทฺทิ) ดูกรนางนาฏ พระน้องรัก (ภทฺเท) เจ้าผู้มีพักตร์อันผุดผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้ำทองเข้ามาทาบทับประเทืองผิว ราวกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลงจากฟ้า ใครได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มหลงละลายทุกข์ ปลุกเปลื้องอารมณ์ชายให้เชยชื่น จะนั่งนอนเดินยืนก็ต้องอย่าง (วราโรหา) พร้อมด้วยเบญจางคจริตรูปจำเริญโฉมประโลมโลกล่อแหลมวิไลลักษณ์ (ราชปุตฺตี) ประกอบไปด้วยเชื้อศักดิ์สมมุติวงศ์พงศ์กษัตรา เออเมื่อเช้าจะเข้าป่าน่า สงสารปานประหนึ่งว่าจะไปมิได้ ทำร้องไห้ฝากลูกมิรู้แล้ว ครั้นคลาดแคล้วเคลื่อนคล้อยเข้าสู่ดง ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกสละผัวต่อมัวมืดจึ่งกลับมา ทำเป็นบีบน้ำตาตีอกว่าลูกหาย ใครจะไม่รู้แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลัยอยู่ด้วยลูกจริงๆ เหมือนวาจาก็จะรีบกลับมาแต่วี่วันไม่ทันรอน เออ…นี่เที่ยวพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวันสารพันที่จะมี ทั้งฤๅษีสิทธิ์วิทยาธรคนธรรพ์เทพารักษ์ผู้มีพักตร์อันเจริญ เห็นแล้วก็น่าเพลิดเพลินไม่เมินได้ หรือเจ้าปะผลไม้ประหลาดรสสดสุกทรามเสวยไม่เคยกิน เจ้าฉวยชิมชอบลิ้นก็หลงอยู่จึงช้า…

๓. ความซื่อสัตย์ของสามีภรรยาทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข

พระนางมัทรีมีความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรมาก พระเวสสันดรแสร้งกล่าวบริภาษว่าพระนางลอบคบชายอื่นทำให้พระนางน้อยพระทัยแต่ก็ไม่ถือโกรธและยังได้ชี้แจงสาเหตุที่กลับมาช้า ดังว่า

…พระคุณเอ่ยจะคิดดูมั่งเป็นไรเล่า ว่ามัทรีนี้เป็นข้าเก่าแต่ก่อนมา ดั่งเงาตามพระบาทาก็เหมือนกัน นอกกว่านั้นที่แน่นอนคือนางไหนอันสนิทชิดใช้แต่ก่อนกาล ยังจะติดตามพระราชสมภารมาบ้างละหรือ ได้แต่มัทรีที่แสนดื้อผู้เดียวดอก ไม้รู้จักปลิ้นปลอกพลิกไพล่เอาตัวหนี มัทรีสัตยาสวามิภักดิ์รักผัวเพียงบิดาก็ว่าได้ถึงจะยากเย็นเข็ญใจก็ตามกรรม (วนมูลผล หาริยา) อุตสาหะตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้ ถึงที่ไหนจะรกเรี้ยวก็ซอกซอนอุตส่าห์เที่ยวไม่ถอยหลังจนเนื้อหนังข่วนขาดเป็นริ้วรอยโลหิตไหลย้อยทุกหย่อมหนาม อารามจะใคร่ได้ผลาผลไม้มาปฏิบัติลูกบำรุงผัว ถึงกระไรจะคุ้มตัวก็ทั้งยากน่าหลากใจ อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกของมัทรีไม่มีเนตร น่าที่จะสงสารสังเวชโปรดปรานีว่ามัทรีนี้เป็นเพื่อนยากอยู่จริงๆ ช่างค้อนติงปริภาษณาได้ลงคอไม่คิดเลย…

นอกจากนี้นางได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรแม้ว่าจะมีความทุกข์หมดอาลัยตายอยากในชีวิตที่ไม่พบกัณหาและชาลีก็ตาม ดังว่า

…ครั้นลูกหายทั้งสองคนก็สิ้นคิด บังคมทูลสามีก็มิได้ตรัสปรานีแต่สักนิดสักหน่อยหนึ่ง ท้าวเธอก็ขังขึงตึงพระองค์ ดูเหมือนทรงพระขัดเคืองเต็มเดือดด้วยอันใด นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัยดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน อุปมาเหมือนคนไข้หนักแล้วมิหนำยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้ำให้เวทนา เห็นชีวานี้คงจะไม่รอดไปสักกี่วัน พระคุณเอ่ยเมื่อแกจากไอศวรรย์มาอยู่ดงก็ปลงจิตมิได้คิดจิตเป็นสอง หวังว่าจะเป็นเกือกทองฉลองบาทยุคลทั้งคู่แห่งพระคุณผัว กว่าจะ สิ้นบุญตัวตายตามไปเมืองผี อนิจจาเอ่ยวาสนามัทรีไม่สมคะเนแล้ว พระทูลกระหม่อมแก้วจึ่งชิงชังไม่พูดจา ทั้งลูกรักดั่งแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนา อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นแท้เที่ยง ถ้าแม้นพระองค์ไม่ทรงเลี้ยงมัทรีไว้ จะนิ่งมัธยัสถ์ตัดเยื่อใยไม่โปรดบ้าง ก็จะเห็นแต่เลวระร่างซากศพของมัทรี อันโทรมตายกลายกลิ้งอยู่กลางดง เสียเป็นมั่นคงนี้แล้วแล…

๔. ผู้มีปัญญาย่อมแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดี

พระเวสสันดรทรงมีปฏิภาณไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก เมื่อทรงเห็นว่าพระนางมัทรีมีความโศกเศร้าลูกทั้งสองที่หายไปจึงคิดเบี่ยงเบนความคิดและอารมณ์ทุกข์โศกนั้นด้วยการทำเป็นตัดพ้อและหึงหวงนางที่กลับมาถึงอาศรมในเวลาค่ำ ถ้อยคำที่ตัดพ้อและตำหนิพระนางว่า มีมารยาแกล้งทำเป็นไม่อยากจากพระกุมาร ครั้นไปแล้วเที่ยวอ้อยอิ่งแสวงหาความสุขอยู่ในป่า เมื่อได้ฟังคำบริภาษของพระเวสสันดร ความทุกข์โศกของนางก็ลดหายไปทันที ดังที่กวีบรรยายว่า “ที่ความโศกก็เสื่อมสว่างสงบจิตเพราะเจ็บใจ” นับว่าพระเวสสันดรทรงมีสติปัญญาไหวพริบดี รู้วิธีที่จะดับทุกข์ของพระนางมัทรีและสามารถทำได้สำเร็จงดงามเมื่อนางสร่างโศกแล้ว พระเวสสันดรก็ทรงปลอบว่า

…อันสองกุมารนี้พี่ให้ไปเป็นทานแก่พราหมณ์แต่วันวานแล้ว พระน้องแก้วเจ้าอย่าโศกศัลย์ จงตั้งจิตของเจ้านั้นให้โสมนัสศรัทธา ในทางอันก่อกฤดาภินิหารทานบารมี (ลจฺฉาม ปุตฺเต ชีวนฺตา) ถ้าเราทั้งสองนี้ยังมีชีวิตอยู่สืบไป อันสองกุมารนี้ไซร้ก็คงจะได้พบกันเป็นแม่นมั่น…

๕. การบริจาคบุตรทานบารมีเป็นสิ่งที่ยากจะกระทำได้

พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมีเป็นสิ่งที่ยากที่จะกระทำได้แต่พระองค์มีน้ำพระทัยอันแน่วแน่ที่จะกระทำ พระนางมัทรีเมื่อทราบว่าพระเวสสันดรได้บำเพ็ญทานดังกล่าวนางก็อนุโมทนาด้วย ดังนี้

…มัทรีเอ่ย อันอริยสัตบุรุษเห็นปานดั่งตัวพี่ฉะนี้ ถึงจะมีข้าวสักเท่าใดๆ (ทิสฺวา ยาจกมาคเต) ถ้าเห็นยาจกเข้ามาใกล้ ไหว้วอนขอไม่ย่อท้อในทางทาน จนแต่ชั้นลูกรักยอดสงสารพี่ยังนกให้เป็นทานได้ อันสองกุมารนี้ไซร้เป็นทานพาหิรกะภายนอกไม่อิ่มหนำ พี่จะใคร่ให้อัชฌัติกทานอีกนะเจ้ามัทรี ถ้าแม้นมีบุคคลผู้ใดปรารถนาเนื้อหนังมังสังโลหิตดวงหทัยนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวาพี่ก็จะแหวะผ่าให้เป็นทานไม่ย่อท้อถึงเพียงนี้ มัทรีเอ่ย … จงศรัทธาด้วยช่วยอนุโมทนาทานในกาลบัดนี้เถิด…

สมเด็จพระมัทรีทูลสนองพระโองการว่า …พระพุทธเจ้าข้า แต่วันวานนี้เหตุไฉนจึงไม่แจ้ง ยุบลสารให้ทราบเกล้า ท้าวเธอจึ่งตรัสเล่าว่าพระน้องเอ่ย พี่จะเล่าให้เจ้าฟังก็สุดใจ ด้วยเจ้ามาแต่ป่า ไกล ยังเหนื่อยนัก พี่เห็นว่าความร้อนความรักจะรุกอก ด้วยสองดรุณทารกเป็นเพื่อนไร้เจ้ามัทรีเอ่ย…จงผ่องใสอย่าสอดแคล้ว อันสองพระลูกแก้วไปไกลเนตร พระนางจึ่งตรัสว่า พระพุทธเจ้าข้าอันสองกุมารนี้ เกล้ากระหม่อมฉานได้อุตส่าห์ถนอม ย่อมพยาบาลบำรุงมา ขออนุโมทนาด้วยปิยบุตรทานบารมี ขอให้น้ำพระหฤทัยพระองค์จงผ่องแผ้ว อย่ามีมัจฉริยธรรมอกุศล อย่ามาปะปนในน้ำพระทัยของพระองค์เลย ท้าวเธอจึ่งตรัสว่าพระน้องเอ่ย ถ้าพี่มิได้ให้ด้วยเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ที่ไหนเลยแผ่นดินจะกัมปนาทหวาดหวั่นไหวจลาจล ท้าวเธอเล่านุสนธิ์มหัศจรรย์ อันมีอยู่ในกัณฑ์กุมารบรรพกลับมาเล่าให้พระมัทรีฟังแต่ในกาลหนหลังนี้แล้วแล…

(สา มทฺที) ส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรบวรราชธิดามหาสมมุติวงศ์วิสุทธิสืบสันดานมา (วราโรหา) ทรงพระพักตร์ผิวผ่องดุจเนื้อทองไม่เทียมสี (ยสสฺสินี) มีเกียรติยศอันโอฬารล้ำเลิศวิไลลักษณ์ยอดกษัตริย์อันทรงพระศรัทธาโสมนัสนบนิ้วประนมน้อมพระเศียรเคารพทานท้าวเธอก็ชื่นบานบริสุทธิ์ด้วยปิยบุตรมิ่งมกุฎทานอันพิเศษ ฝ่ายฝูงอมรเทเวศทุกวิมานมาศมนเทียรทุกหมู่ไม้ ก็ยิ้มแย้มพระโอษฐ์ตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน ร้องสาธุการสรรเสริญเจริญทานบารมี ทั้งสมเด็จอมรินทร์เจ้าฟ้าสุราลัยอันเป็นใหญ่ดาวดึงส์สวรรค์ ก็มาโปรยปรายทิพยบุปผากรอง ทั้งพวงแก้วและพวงทองก็โรยร่วง จากกลีบเมฆกระทำสักการบูชาแก่สมเด็จนางพระยามัทรี ท้าวเธอทรงกระทำอนุโมทนาทาน (เวสฺสนฺตรสฺส) แห่งพระเวสสันดรราชฤๅษีผู้เป็นภัสดา (อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน) ด้วยประการดังนี้แล้วแล…
 

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่ปรากฏในร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี

๑. การใช้ธรรมชาติเปรียบกับความทุกข์โศกของพระนางมัทรี

เนื้อหากัณฑ์มัทรีนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับพระนางมัทรีอย่างชัดเจน สภาพธรรมชาติที่แตกต่างไปจากปกติ แสดงให้เห็นว่าเป็นลางบอกเหตุแก่พระนางมัทรีว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น ดังว่า

“…เหตุไฉนไม้ที่มีผลเป็นพุ่มพวง ก็กลับกลายเป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร แถวโน้มก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดนั่นก็สายหยุดประยงค์และยมโดย พระพายก็พัดร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แม่ยังได้เก็บเอาดอกมาร้อยกรองไปฝากลูกเมื่อวันวาน ก็เพี้ยนผิดพิสดารเป็นพวงผลผิดวิกลแต่ก่อนมา (สพฺพามุยฺหนฺติ เม ทิสา) ทั้งแปดทิศก็มืดมนทุกหนแห่ง ทั้งขอบฟ้าก็ดาษแดงเป็นสายเลือดไม่วนนวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง…” และ

…โอ พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนดูนี่สุกใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไนเรไรร้องอยู่หริ่งๆ ระเรื่อยโรย โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร โอ…เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสหมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก เออ ชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวิโยคพลัดพรากไปจากอกพระมารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้…”

ลักษณะธรรมชาติมีอารมณ์ร่วมทุกข์ในตัวละครมักปรากฏในวรรณคดีไทยถือเป็นกลวิธีการแต่งประการหนึ่งที่เน้นย้ำความทุกข์และความเศร้าโศรกของตัวละครหรืออการที่ตัวละครใช้ธรรมชาติเป็นที่ระบายความทุกข์ เช่น

“…จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไรจึ่งขอดข้นลงขุ่นหมองพระพายเจ้าเอ๋ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากกลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟองบ้างก็ขึ้นล่องว่ายเลื่อนชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียน นกเจ้าเอ๋ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น…”

. การเล่นเสียง

๒.๑ การเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะเสียงเดียวกันต่อๆ กันหลายคำ เช่น

“ ก็กลายเป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร”

“ สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีดวิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา”

“ พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อนจึงเคือง ค่อนด้วยคำหยาบยอกใจเจ็บจิตเหลือกำลัง”

“ พระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่งๆ”

“ ครั้นจะลีลาหลีกตัดเดาไปทางใดก็เหลือเดิน ทั้งสองข้างเป็นโขดเขินขอบคันขึ้นกั้นไว้”

๒.๒ การเล่นเสียงสัมผัสสระ ที่เป็นเสียงเสนาะอันเกิดจากการเล่นเสียงสระ เช่น

“ นางก็ถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดระเนนเอนก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า นั้นแล”

๒.๓ การเล่นทั้งเสียงสัมผัสพยัญชนะและสระ เช่น

“ แม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองเรา”

“ เจ้าเคยเคียงเรียงเคียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี”

“ โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น”

๓. การเล่นคำ

มีการเล่นคำที่เรียกว่า “สะบัดสะบิ้ง” ซึ่งจะคำแบ่งคำออกเป็นสองกลุ่มเท่าๆ กัน แล้วซ้ำคำเดียวกันที่มีเสียงสระสั้นในพยางค์หน้า ส่วนพยางค์หลังเล่นเสียงพยัญชนะเดียวกันแต่ต่างเสียงสระกัน ก่อให้เกิดจังหวะคำที่ไพเราะ เช่น คำว่า “สะอึกสะอื้น” ในข้อความว่า “พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น” และคำว่า “ตระตรากตระตรำ” ในข้อความว่า “อุตสาหะตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้” และการเล่นคำซ้ำดังนี้

“…ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มเป็นชุ่มช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดิ้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆ อยู่พรายๆ … พระพายรำเพยพัดมาฉิวเรื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่งๆ”

๔. การใช้ภาพพจน์

ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีเป็นกัณฑ์ที่มีความไพเราะเป็นอย่างยิ่งอีกทั้งการใช้ถ้อยคำสละสลวยทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพด้วยการเลือกสรรความเรียงลักษณะต่างๆ โดยสื่อผ่านภาพพจน์ในหลายลักษณะ คือ

๔.๑ การใช้ภาพพจน์แบบอุปมา เป็นการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่าเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง เช่น

เปรียบเทียบพระทัยเต้นระทึกของพระนางมัทรีกับกายอันสั่นรัวของปลาที่ถูกตี ดังปรากฏในเนื้อความว่า “พระทรวงนางสั่นระริกดั่งตีปลา” เปรียบความเจ็บปวดพระทัยของนางมัทรีที่พระเวสสันดรไม่ยอมตรัสตอบว่าราวกับถูกแทงด้วยเหล็กเผาไห หรือมิเช่นนั้นก็ราวกับแพทย์เอายาพิษให้คนไข้ที่มีอาการหนักอยู่แล้วกิน ทำให้อาการทรุดเพียบหนักลงไปอีก ซึ่งคงจะรอดชีวิตได้ยาก ดังปรากฏในเนื้อความว่า “นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัยดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน อุปมาเหมือนคนไข้หนักมิหนำยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้ำให้เวทนา เห็นชีวานี้คงจะไปไม่รอดสักกี่วัน”

“…พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้ แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไหว้จะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ (วจฺฉา พาลาว มาตรํ) มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง”

“…โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร โอ เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก”

“…ทั้งลูกรักดั่งแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนา อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นเที่ยงแท้…”

๔.๒ การใช้ภาพพจน์แบบอุปลักษณ์เป็นการเปรียบว่าอีกสิ่งหนึ่ง “เป็น” หรือ “คือ” อีกสิ่งหนึ่ง เช่น

“หวังว่าจะเป็นเกือกทองฉลองบาทยุคลทั้งคู่แห่งพระคุณผัว”

“ก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางทดแทน”

๔.๓ การใช้ภาพพจน์แบบสัทพจน์เป็นการเลียนเสียง

นอกจากนี้ยังมีการใช้สัทพจน์หรือคำเลียนเสียง ทำให้ข้อความมีชีวิตชีวานิ่งขึ้น เช่น

“แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง”

“สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง”

“เสียงนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขันทั้งจักจั่นพรรณลองไนเรไรร้องอยู่หริ่งๆ ระเรื่อยโรย”

๔.๔ การใช้ภาพพจน์แบบบุคลวัต เป็นการใช้ภาพพจน์ที่มีชีวิตที่มิใช่มนุษย์และสิ่งไม่มีชีวิต ทำกิริยาอาการเลียนแบบมนุษย์ เช่น

“ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ”

“ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผิดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียน”

“เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน”
 

คำศัพท์

 

คำศัพท์

คำอธิบายศัพท์

กระลี

เหตุร้าย

กเลวระ

ซากศพ

ชี

นักบวช ในที่นี้หมายถึงพระเวสสันดร

เต็มเดือด

เดือดเต็มที่ หมายถึง โกรธจัด

เถื่อน

ป่า

ทรามคะนอง

กำลังคะนอง หมายถึง กำลังซน

ทุเรศ

ไกล ในความว่า “จากบุรีทุเรศมา”

น่าหลากใจ

น่าประหลาดใจ

นิ่งมัธยัสถ์

ประหยัดถ้อยคำ ไม่ยอมพูด

บริจาริกาการ

ผู้ที่ทำหน้าที่หญิงรับใช้ ผู้ที่ทำหน้าที่ภรรยา ในที่นี้หมายถึง พระนางมัทรี

ปริภาษณา

บริภาษ กล่าวโทษ

พญาพาฬมฤคราช

ราชาแห่งสัตว์ร้าย ราชาแห่งสัตว์ที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร หมายถึง สัตว์ร้ายทั้งสมอันเป็นร่างแปลงของเทพยดาสามองค์ที่แปลงร่างตามคำสั่งของพระอินทร์ที่ให้มาสกัดกั้นพระนางมัทรีไม่ให้ขัดขวางการบำเพ็ญบุตรทานบารมีของพระเวสสันดร สัตว์ร้ายทั้งสาม ได้แก่ พญาไกรสรราชสีห์ พญาเสือโคร่งและพญาเสือเหลือง

พระราชสมการ

พระราชาผู้ออกบวช เป็นคำที่พะนางมัทรีเรียกพระเวสสันดร

พร้า

มีดขนาดใหญ่

พฤกษาลดาวัลย์

ไม้เลื้อยหรือไม้เถา แต่ในที่นี้หมายถึงไม้ผล ซึ่งอาจหมายถึง ต้นไม้ที่ออกลูกออกผลแล้วตาย เช่น กล้วย หรือหมายถึง ต้นไม้ในป่าที่มักถูกคนเดินทางเอามีดตัดกิ่งหรือรานกิ่งที่มีผลไม้ไป เป็นการทำร้ายต้นไม้นั้น ๆ ทำให้ตายได้ง่าย

พื้นปริมณฑล

พื้นที่โดยรอบ ในที่นี้หมายถึง อาณาบริเวณ

มังสัง

มังสะ เนื้อ

มัจฉริยธรรม

ความตระหนี่

มาเลศ

มาลี ดอกไม้

มุจลินท์

สระใหญ่ในป่าหิมพานต์ เป็นที่ที่หงส์อาศัยอยู่ “ปราศจากมุจลินท์” หมายความว่าไปจากสระมุจลินท์

มูนมอง

มากมาย

เมิล

มองดู

ไม่มีเนตร

ไม่มีตา ในที่นี้หมายความว่า ไม่เห็นหนทาง หาทางออกไม่ได้

ยับ

พังทลาย ในความว่า “อกของใครจะอาภัพยับพิกลเหมือนอกของมัทรี”

ยุบลสาร

ข่าว

ระแนง

เรียงราย ในความว่า “ดั่งบุคคลเอาแก้วมาระแนง”

ศิโรเพฐน์

ผ้าโพกศีรษะ ในที่นี้หมายถึงศีรษะ “บ่ายศิโรเพฐน์” คือ เอนศีรษะลง

สองรา

สองคน คำว่า “รา” เป็นภาษาถิ่นล้านนา แปลว่า เราทั้งคู่

สัตพิธรัตน์

แก้ว ๗ ประการ ได้แก่ ทอง เงิน มุกดาหาร ทับทิม ไพฑูรย์ เพชร และแก้วประพาฬ

แสรกคาน

สาแหรกและคาน ซึ่งเป็นเครื่องหาบ สาแหรกคือเครื่องใส่ของสำหรับหาบ ปกติทำด้วยหวาย ส่วนคานคือไม้คานซึ่งใช้คอนสาแหรกตรงปลายไม้ทั้งสองข้าง

หน่อกษัตริย์

เชื้อสายกษัตริย์ ในที่นี้หมายถึงพระนางมัทรีผู้เป็นพระธิดาของกษัตริย์มัททราช

หน้าฉาน

หน้าที่นั่ง ในที่นี้หมายถึงตรงหน้าพระอาศรมที่พระเวสสันดรประทับอยู่

อุฏฐาการ

ลุกขึ้น

 

บทเพลงที่ใช้ประกอบการเทศน์มหาชาติแต่ละกัณฑ์

๑. จบกัณฑ์ทศพร บรรเลงเพลงสาธุการ ประกอบกิริยาน้อมรับพรของพระนางผุสดี

๒. จบกัณฑ์หิมพานต์ บรรเลงเพลงตวงพระธาตุ ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์ เพื่อมุ่งประกอบกิริยาที่พระเวสสันดรทรงบริจาคทานตามเนื้อเรื่อง

๓. จบทานกัณฑ์ บรรเลงเพลงพญาโศก เพื่อประกอบกิริยาโศกสลดรันทดใจที่พระเวสสันดรถูกเนรเทศออกจากเมือง

๔. จบกัณฑ์วนปเวสน์ บรรเลงเพลงพระยาเดิน ประกอบกิริยาเดินของพระเวสสันดร พระนางมัทรีและพระกัณหาชาลี

๕. จบกัณฑ์ชูชก บรรเลงเพลงเซ่นเหล้า ประกอบกิริยากินอันตะกละตะกลามของชูชก บางวงใช้เพลงค้างคาวกินกล้วยประกอบความทุพพลภาพของชูชก

๖. จบกัณฑ์จุลพน บรรเลงเพลงรัวสามลา ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์แสดงการขู่ขวัญของนายาพรานเจตบุตรที่แสดงแก่ชูชก บางวงใช้แพลงคุกพาทย์ ประกอบกิริยาเช่นเดียวกัน แต่เป็นเพลงระดับชั้นสูงกว่า

๗. จบกัณฑ์มหาพน บรรเลงเพลงเชิดกลอง ประกอบกิริยาเดินอย่างเร่งรีบของชูชก

๘. จบกัณฑ์กุมาร บรรเลงเพลงโอด เชิดฉิ่ง คือบรรเลงเพลงโอดสลับกับเพลงเชิดฉิ่ง ประกอบกิริยาที่ชูชกเฆี่ยนตีกัณหาชาลีขณะเดินทางไป

๙. จบกัณฑ์มัทรี บรรเลงเพลงทยอยโอด ประกอบกิริยาคร่ำครวญของพระนางมัทรี

๑๐. จบกัณฑ์สักกบรรพ บรรเลงเพลงเหาะ หรืออาจเป็นเพลงกลม ซึ่งอาจเป็นเพลงกลม ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์ทั้งสองเพลง ประกอบกิริยาเหาะลงมาของพระอินทร์ บางวงบรรเลงเพลงกระบองกัน ประกอบการแปลงตังของพระอินทร์

๑๑. จบกัณฑ์มหาราช บรรเลงเพลงกราวนอก ประกอบการยกพลของพระเจ้ากรุงสญชัย บางวงบรรเลงเพลง เรื่องทำขวัญ ประกบตอนทำขวัญพระกัณหาชาลี

๑๒. จบกัณฑ์ฉกษัตริย์ บรรเลงเพลงตระนอน ประกอบเรื่องกษัตริย์ทั้งหก ประทับแรมบริเวณอาศรม

๑๓. จบกัณฑ์นครกัณฑ์ บรรเลงเพลงกลองโยน ประกอบการยกขบวนพยุหยาตราอัญเชิญพระเวสสันดรกลับพระนคร

การตกแต่งสถานที่ที่จะมีเทศน์มหาชาติทำให้เกิดการสร้างสรรค์งานศิลปะหลายสาขา อาทิ งานหัตถศิลป์และงานจิตรกรรม การตกแต่งศาลาที่จะมีการเทศน์มหาชาตินั้นมักทำให้มีบรรยากาศครึกครื้น มีการประดับประดาด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย และราชวัตรฉัตรธง ให้มีบรรยากาศเหมือนเขาวงกต มีการตกแต่งบูชาด้วยเครื่องแกวลายคราม โลหะเงินทอง ดอกไม้เครื่องผูก ตามประทีปโคมไฟ และที่สำคัญมีฉากประจำกัณฑ์ เขียนเป็นรูปภาพแสดงเรื่องในกัณฑ์นั้นๆ แขวนไว้ด้วย

การเทศน์มหาชาติ

เทศน์มหาชาติ คือ เทศนาเวสสันดรชาดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่โบราณส่วนมากจัดให้มีในวัดเป็นหน้าที่ของชาวบ้านและวัดนั้นๆ จะตกลงร่วมกันจัด ปกตินิยมให้มีหลังฤดูทอดกฐินผ่านไปแล้วจนตลอดฤดูเหมันต์ นิยมจัดเป็นงานสองวัน คือ วันเทศน์เวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์ วันหนึ่ง และวันเทศน์จตุราริยสัจจกถา ท้ายเวสสันดรชาดกอีกอันวันหนึ่ง

วันแรกเริ่มงานด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระทั้งวัด หรือเลี้ยงพระตามจำนวนที่เห็นสมควรแล้วเริ่มเทศน์เวสสันดรชาดกตามแบบเทศน์ต่อกันไปจนสุด ๑๓ กัณฑ์ ถึงเวลากลางคืนบางแห่งจัดปี่พาทย์ประโคมระหว่างกัณฑ์หนึ่งๆ ตลอดทั้ง ๑๓ กัณฑ์ด้วย

วันรุ่งขึ้น ทำบุญเลี้ยงพระอีก แล้วมีเทศน์จตุราริยสัจจกถาในระหว่งเพล จบแล้วเลี้ยงพระเพลเป็นอันเสร็จพิธี

ระเบียบพิธีในการเทศน์มหาชาติ นิยมกันเป็นหลักใหญ่ๆ ดังนี้

๑) ตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่ในบริเวณป่า ตามท้องเรื่องเวสสันดรชาดกโดยนำเอาต้นกล้วย ต้นอ้อย และกิ่งไม้มาผูกตามเสาและบริเวณรอบๆ ธรรมมาสน์ ประดับธงทิว และราชวัติ ฉัตร ตามสมควร

๒) ตั้งขันสาครใหญ่ หรือจะอ่างใหญ่ที่สมควรก็ได้ใส่สะอาดเต็ม สำหรับปักธูปเทียนประจำกัณฑ์ ในระหว่างที่พระเทศน์ น้ำในภาชนะที่ตั้งนี้เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ถือว่าเป็นน้ำพุทธมนต์ที่สำคัญ ภาชนะใส่น่ำนี้ตั้งหน้าธรรมมาสน์ กลางบริเวณพิธี

๓) เตรียมเทียนเล็กๆ จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม แล้วนับแยกจำนวนเป็นมัด มัดหนึ่งมีจำนวนเท่าคาถาของกัณฑ์หนึ่ง แล้วทำเครื่องหมายให้ทราบว่าเป็นมัดไหนสำหรับบูชาคาถากัณฑ์ใด เมื่อถึงคราวเทศน์กัณฑ์นั้นก็จะเอาเทียนมัดนั้นมาจุดบูชาติรอบๆ ภาชนะน้ำต่อกันไปจนจบฑ์ให้หมดพอดี ครบ ๑๓ กัณฑ์ถ้วนจำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม เท่าจำนวนคาถา บางแหงนิยมทำธงเล็กๆ ๑,๐๐๐ คัน แบ่งจำนวนเท่าคาถาประจำกัณฑ์ แบ่งจำนวนเท่าคาถาประจำกัณฑ์เช่นเทียนอย่า แล้วปักธงบูชาระหว่างกัณฑ์บนหยวกกล้วยเทียน แต่การใช้ธงไม่นิยม เช่น เทียน การจุดเทียนหรือปักธงบูชากัณฑ์ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของเจ้าภาพผู้รับกัณฑ์นั้นๆ

การเทศน์กัณฑ์เวสสันดร มีวิธีเทศเป็นทำนองโดยเฉพาะ จะต้องได้รับการฝึกอบรมศึกษาจากท่านผู้ทรงคุณวุฒิทางนี้เป็นพิเศษ ส่วนการเทศน์จตุราริยสัจจกถา มีระเบียบพิธีอย่างเทศน์ในงานดังกล่าวแล้วข้างต้น

ประเพณีงานเทศน์มหาชาติ

งานเทศน์มหาชาตินี้ นิยมทำกันหลังออกพรรษาพ้นหน้ากฐินไปแล้ว อาจทำทำในวันขึ้น ๘ ค่ำ กลางเดือน ๑๒ หรือในวันแรม ๘ ค่ำก็ได้ ซึ่งในช่วงนี้น้ำเริ่มลดและข้าวปลาอาหารกำลังอุดมสมบูรณ์จึงพร้อมใจกันทำบุญทำทานและเล่นสนุกสนานรื่นเริงแต่ในภาคอีสานนั้นนิยมทำกันในเดือน ๔ เรียกว่า งานบุญผะเหวด ซึ่งที่เสร็จจากการทำบุญลานเอาข้าวเข้ายุ้ง ในภาคกลาง บางท้องถิ่นทำกันในเดือน ๕ ต่อเดือน ๘ ก็มี งานเทศน์มหาชาตินั้นจะทำในกาลพิเศษจะทำในเดือนไหนก็ได้ไม่จำกัดฤดูกาล โดยมากเพื่อเป็นการหาเงินเข้าวัด บางแห่งนิยมทำกันในเดือน ๑๐ การเทศน์มหาชาตินั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๑๓ กัณฑ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและออกผนวชจนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ประเพณีงานบุญผะเหวดฟังเทศน์มหาชาติ อันเป็นประเพณีอันเก่าแก่ที่มีเรื่องราวเล่าขานและปฏิบัติสืบทอดมาแต่โบราณ ยังธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม และประเพณีอันดีงามของชาวอีสานอย่างเช่น จังหวัดร้องเอ็ดหรือสาเกตนครอันยิ่งใหญ่ในอดีต ได้จัดงานบุญผะเหวดให้เป็นงานประเพณีประจำของจังหวัดทุกๆปี

เรื่องการเทศน์มหาชาติที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย

การเทศน์มหาชาติ เป็นประเพณีของไทยมาตั้งแต่โบราณ คือ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงสมัยกรุงรัตนกสินทร์ การเทศน์มหาชาติมีการจัดเป็นประจำทุกปี ในระหว่างเดือน ๑๑ เดือน ๑๒ หรือเดือน ๑ (เดือนอ้าย) ในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม มหาชาติหรืเวสสันดรชาดกประกอบด้วยพระคาถาภาษาบาลี จำนวน ๑,๐๐๐ พระคาถา ลักษณะการเทศน์เรียกว่า เทศน์คาถาพัน หรือ เทศน์มหาชาติ

มหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ได้มีการแต่งเป็นร่ายยาวด้วยท้วงทำนองอันเพระพริ้ง และการเทศน์แต่ละกัณฑ์ ก็จะมีท่วงทำนองที่แตกต่างกันออกไป เมื่อการเทศน์มหาชาติแต่ละกัณฑ์จบลงก็จะมีปี่พาทย์ประโคมเพลงประจำกัณฑ์รับกัณฑ์เทศน์ด้วย

การเทศน์มหาชาตินั้นเป็นการสั่งสอนคนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ รู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และเป็นการสรรเสริญพระเกียรติคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์พระนามว่า เวสสันดร ในพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ โดยที่พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา กล่าวคือ ทรงบำเพ็ญทาน พระเวสสันดรทรงรักษาศีล รักษาคำสัตย์ คือ เมื่อพระองค์ตรัสว่าจะพระราชทานสิ่งใดแล้ว พระองค์ก็จะพระราชทานสิ่งนั้นดังที่ตรัสไว้ พระเวสสันดรได้เจริญภาวนาด้วยการเสด็จออกผนวช เจริญภาวนาอยู่ ณ เขาวงกต ทรงสละความเป็นอยู่อย่างกษัตริย์แล้วดำรงพระชนม์ชีพอย่างนักบวช จึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่ได้ฟังเทศน์มหาชาติแล้วมีอุปนิสัยจิตใจอ่อนโยน มีศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา ยินดีในการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ตามพระจริยาวัตรของพระเวสสันดร นั่นคือ สามารถทำให้ความเห็นแก่ตัว หรือความยึดมั่นถือมั่น “นั่นเรา นั่นของเรา” ค่อย ๆ เบาบางลง จนกระทั่งหมดสิ้นไปในที่สุด

การเทศน์มหาชาติมีอิทธิพลต่อสังคมไทย ในด้านความเชื่อ คือ เชื่อว่าผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติครบ ๑๓ กัณฑ์ จบภายในวันเดียว ผู้นั้นก็จะได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คือ

๑. จะเกิดได้ในศาสนาของพระศรีอริเมตไตรยซึ่งจะมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

๒. จะได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยทิพย์สมบัติอันโอฬาร

๓. จะไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต

๔. จะเป็นผู้มีลาภ ยศ ไมตรี และความสุข

๕. จำได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา

นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลต่อสังคมไทยในด้านต่าง ๆ เช่น ศีลธรรม จริยธรรม การศึกษา ขนบธรรมเนียม ประเพณี วรรณกรรม จิตรกรรม ตลอดถึงการเมืองการปกครองของไทยอีกด้วย

มหาชาติสำนวนต่าง ๆ

เรื่องมหาชาติมีผู้แต่งกันมากและมีหลายสำนวนในแต่ละภาค ทุกสำนวนมีเนื้อหาตรงกัน ต่างกันบ้างเพียงรายละเอียด ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะบางสำนวนที่ดีเด่นของแต่ละภาคโดยใช้ต้ยฉบับต่อไปนี้

มหาชาติสำนวนภาคกลาง ได้แก่ “มหาเวสสันดรชาดกฉบับกระทรวงศึกษาธิการ” สำนวนภาคเหนือ ได้แก่ “มหาชาติสำนวนสร้อยสังกร” สำนวนภาคอสาน ได้แก่ “มหาชาติฉบับอีสานฉบับพิมพ์ของ ส.ธรรมภักดี” ส่วนสำนวนภาคใต้ ได้แก่ “พระมหาชาดก ฉบับวัดมัชฌิมาวาส” จังหวัดสงขลา

ลักษณะเด่นของมหาชาติในท้องถิ่นต่าง ๆ

มหาชาติภาคกลาง

มหาชาติภาคกลางมีสำนวนพรรณนาความดีเด่น ใช้คำอย่างอลังการ มักใช้ศัพท์ยาก นิยมซ้ำคำหรือซ้ำกลุ่มคำ เล่นคำและเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะและสระอย่างแพรวพราย นอกจากนี้บางตอนยังแต่งเป็นกลบทหลากหลายชนิดด้วย เช่น ตอนพระอัจจุตฤๅษีบอกเส้นทางไปยังเขาวงกตแก่ชูชก ตัวอย่างพรรณนาดังนี้

… เอส เสโส แลถนัดเบื้องหน้าโน้นก็เขาใหญ่ ยอดเยี่ยมโพยมอย่างพยับเมฆ มีพรรณเขียวขาวดำแดงดูดิเรก ดั่งรายรัตนนพมณีแนมน่าใคร่ชม ครั้นแสงพระสุริยะส่องแสงก็ดูเด่นดั่งดวงดาววาวแวววะวาบ ๆ ที่เวิ้งวุ้ง วิจิตรจำรัสจำรูญรุ่งเป็นสีรุ้งพุ่งพ้นเพียงคัคนัมพรพื้นนภากาศ บ้างก็เกิดก่อก้อนประหลาด ศิลาลายแลละเลื่อม ๆ ที่งอกง้ำเป็นแง่เงื้อม ก็ชะงุ้มชะโงกชะง่อนผาที่ผุดเผินเป็นแผ่นภูตะเพิงพัก บางแห่งเล่าก็เหี้ยนหักเห็นเป็นรอยร้าวรานระคายควรจะพิศวง ด้วยธารอุทกที่ตกลงเป็นหยาดหยัดหยดย้อยเย็นเป็นเหน็บหนาว ในท้องถ้ำที่สถิตไกรสรราชสถาน บังเกิดแก้วเก้าประการกาญจนะประกอบกันตลอดโล่งโปร่งปล่อง เป็นช่องชั้นช่อวิเชียรฉายโชติช่วงชัชวาลสว่างตา แสนสนุกในห้องเหมคูหาทุกแห่งหนรโหฐาน …

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตอนที่แสดงฝีมือการแต่งที่ยอดเยี่ยม และใช้กลบทหลายชนิด เช่น

ในกัณฑ์มหาราช พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ตอน

พระเจ้ากรุงสญชัยโปรดให้จัดเตรียมพาหนะเพื่อเข้าขบวนไปอัญเชิญพระเวสสันดรกลับ

พระนครดังนี้
 

กลบทกบเต้นสลักเพชร

… แล้วเร่งรัดจัดสรรพวกพลคชาชาญ อันเกิดแต่มาตังคประเทศสถาน ประมาณหมื่นสี่พัน สรรแต่หาญสารตัวเหี้ยม เทียมช้างมารทานช้างหมื่น ฟื้นโถมศึกฝึกทนศร ร่อนงาส่ายร่ายเงยเศียร เรียนเชิงสู้รู้ชนสาร ร่านบ้าแทงแรงบ่ถอย ร้อยคชหนีรี่ขึ้นหน้า ข้าศึกยลขนสยอง ร้องบันเทิงเริงบุกทัพ สรรพอลังการสารอลงกต บทจรคลาดบาทจรคลา ดาพยุหยืนดื่นพยุหยุทธ์ ดุจพสุธาพังดั่งพสุธาพก ยกคชผายย้ายคชพล คนตัวหมอขอติดมือ ถือหัตถ์ง่าท่าเห็นงาม ตามทำนองต้องทำเนียม เตรียมทุกหมวดตรวจทุกหมู่ …

กลบทนาคบริพันธ์

… แล้วเร่งรัดจัดสรรพลรถาหมื่นสี่พัน พื้นพิจิตรรังสรรค์ สุวรรณรัตน์ สุวรรณรถจำรัสอร่ามเรือง อร่ามรุ่งบันเทืองอัมพรเพริศ อัมพรพรายธงชายเฉิดเฉลิมงอน เฉลิมงามสงครามสยอนไม่ต่อติด ไม่ต่อต้านทานฤทธิ์เข้ารุกราญ เข้ารุกรับยับแตกฉานพังประลาต พ่ายประลัยลงดื่นดาษพสุธาธาร …

มหาชาติภาคเหนือและภาคอีสาน

มหาชาติภาคเหนือและภาคอีสานมีความโดดเด่นเรื่องการใช้คำง่ายๆ มรบทบรรยายเรียบ

ง่าย ไม่เน้นการพรรณนาความพิสดาร ถ้ามีการเล่นคำก็นิยมเล่นคำซ้ำต้นวรรค ดังตัวอย่างจาก

ชาติภาคเหนือ ดังนี้

นางนงคราญอันมาตายกลางป่าไม้ นางเท่ามาละกูพี่ไว้อยู่ตนเดียว

ผู้ใดจักมากลางไพรเขียวป่าไม้ ผู้ใดพ้อยจักมาผ่าไม้ไว้หื้อเป็นหลัว

ผู้ใดจักมาช่วยกู้พี่ตุ้มหัวนางหนุนหมอนและห่มผ้า ผู้ใดพ้อยจักมาตักน้ำช่วยหน้าแม่อุดม

ผู้ใดพ้อยจักมาสางผมแม่หมวดไว้เป็นเกล้า ผู้ใดพ้อยจักมาอุ้มเจ้าใส่เหนือตัก

ผู้ใดพ้อยจักมาวักน้ำลูบล้าง ผู้ใดจักมาฝ้านต้างใส่สองหู

ผู้ใดพ้อยจักมาอินดูนางน้องไห้ ผู้ใดจักมาส้อมดอกไม้เหน็บเกศ

เกล้าเกศา
 

มหาชาติภาคใต้

มหาชาติภาคใต้มีการพรรณนาความมากกว่าในฉบับภาคเหนือและอีสาน แต่ก็ไม่มากเท่า

การพรรณนาความของกวีภาคกลาง ดังปรากฏตอนพระอัจจุตฤๅษีพรรณนาภาพเขาวงกตดังนี้

อยํ มคฺโค อะกุถชีโน ไปถึงบรรพตา

คีรีบรรพต ปรากฏเห็นมา สนานน้ำถ้ำลา เหวห้วยตรอกธาร

พระสุรีย์แสงส่อง แสงรายกระจายต้อง ศิลาหน้าผาร

ระยับจับสี มณีประพาฬ ดังแสงสุรีย์การ ประทุมรุกโข

เปลวปลาบปะลิงดัง ระยับจับทั้ง บูรบรรพโต

ประพริบพร้อยพราย จับสายเสโส ชะอ่ำรุกโข ชอืนติณณา

มหาชาติในแต่ละท้องถิ่นแสดงลักษณะเฉพาะของสังคมในถิ่นนั้นๆ เช่น อาหารการกิน

พรรณไม้และฉากภูมิประเทศ เป็นต้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ในมหาชาติภาคเหนือกัณฑ์ชูชก กวีบรรยายอาหารการกินในท้องถิ่นทางเหนือไว้

หลากหลายชนิด เช่น ส้มค่างคือแหนมเนื้อค่าง มันหมูคือเนื้อหมูสามชั้นทอด ลาบควายคือลาบ

เนื้อควาย แกงแคเป็ดคือแกงผักหลายชนิดใส่เนื้อเป็ด แกงแคเห็ดคือแกงผักหลายชนิดใส่เห็ดลม

หรือเห็ดมัน ปิ้งจี่ปลาเผาหมายถึงปลาย่างหรือจี่เผาไฟ แคบหมูหรือหนังหมูทอดเป็นต้น

ในมหาชาติภาคอีสาน ตอนเดียวกัน กวีกล่าวถึงอาหารคาวและหวานของชาวอีสานหลาย

อย่างเช่น ข้าวผงปั้นเป็นกีบหรือข้าวจี่ ข้าวกลีบใส่น้ำนมฟานคือขนมผิง แกงไก่และเจือมันคือแกงป่าใส่เผือก หมกคืออาหารที่ใช่ห่อใบตองห่อหมกไฟ หมอกหรือมอกปูคือปลาหรือปลาร้าที่นำมาแกงใส่ผักและใส่ข้าวคั่ว แกงกาคือแกงอ่อมเนื้อที่เอาข้าวเหนี่ยวสุกมาจี่บดใส่ ที่เรียกเช่นนี้เพราะมีสีดำเหมือนกา ปลาบ้ำคือปลาที่นำมาสับและทำเป็นปลาดอง กุ้งหน้ำน้ำคือน้ำพริกกุ้งใส่มะกอก ยำปีคือหัวปลีต้มหรือหัวปลีสดที่นำมาหั่นฝอยแล้วผสมกับน้ำพริกปลาสด น้ำแจ่วใส่ชิ้นต้มคือเนื้อที่คั่วจนสุกหรือเนื้อที่ต้มสุกแล้วจิ้มพริกแจ่วที่ทำจากพริกป่นผสมน้ำปลาและมะนาว แกงส้มใส่ข้าวปุ้ข้าวปุ้นคือแกงปลาสดที่บดละเอียดแล้วใส่มะนาวหรือมะขามเวลากินราดแกงนี้บนขนมจีน

ส่วนในมหาชาติภาคใต้บทบรรยายและพรรณนาสภาพภูมิประเทศที่อยู่ใกล้ทะเลและป่าชายเลน สภาพป่าแสมและโกงกาง ตลอดจนพรรณนาปลาและนกนานาชนิด ที่น่าสนใจคือการกล่าวถึงต้นไม้ที่มีเฉพาะมีในถิ่นใต้ เช่น ลิเภา (ลีเภา) เถามวก (เถ้ามวก) กระสัง ภังคี สมี แสม ดังในบทพรรณนาดังนี้

งอกเรียงเป็นแถว ภาคเพินเนินแนว ระแวกศิลา

เกศแก้วกระกุม ปุ่มลายทอตา กำจัดขัทีรา ษาล้าแตงรัง

ไผ่ผากรากตรวก ลีเภาเถ้ามวก พาดพันกระสัง

มะยุมชุมแสง แพงพวยต้นตั้ง หลหาดเหียรหัง ภังคีสมีแสม

ประโดกโคกล้าน ทุเรียนตระการ มะก่อสะแร

สะท้อนสเตียร อาเกียรรำแข สูงสุดตาแล ยูงยางแกมกัน

อาจกล่าวได้ว่ามหาชาติแต่ละสำนวนในถิ่นต่างๆ มีคุณค่าทางด้านเนื้อหาและด้านวรรณศิลป์ เพราะเป็นเรื่องที่ประพันธ์ขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และจากความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในท้องถิ่นของตน การอ่านวรรณคดีเรื่องมหาชาติสำนวนต่างๆ นอกจากจะทำให้นักเรียนได้ซาบซึ้งกับอรรถรสของงานประพันธ์ที่มีคุณค่าแล้วยังได้รู้จักวัฒนธรรมและวิถีชีวิตบางแง่มุมของเพื่อนต่างถิ่นด้วย

หนังสือที่เกี่ยวกับมหาเวสสันดรชาดก

๑. มหาชาติคำหลวง เป็นหนังสือที่แต่งเป็นภาษาไทยเล่มแรก สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้าให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตในราชสำนัก แปลจากภาษาบาลีเมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๕ วิธีแต่งใช้คำประพันธ์โคลง ร่าย ฉันท์ กาพย์ จุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อใช้สวดให้พุทธศาสนิกชนฟัง

๒. กาพย์มหาชาติ แต่งในสมัยพระเจ้าทรงธรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๑๗๐ ลักษณะการแต่งเป็นร่ายยาว จุดประสงค์ในการแต่งเพื่อให้พระเทศน์ จึงเข้าใจง่ายเพราะมีภาษาบาลีน้อย ถือกันว่าถ้าฟังเทศน์มหาชาติครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ในวันเดียวกันจะได้บุญมาก แต่กาพย์มหาชาติแต่งยาวมาก ไม่อาจเทศน์จบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ในวันเดียวได้

๓. มหาชาติกลอนเทศน์ หรือ ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก แต่งด้วยคำประพันธ์ร่ายยาว สามารถเทศน์ให้จบได้ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ในวันเดียว สำนวนที่ดีจากมหาชาตกลอนเทศน์ มีดังนี้

 

ชื่อกัณฑ์

ผู้แต่ง

จำนวนคาถา

เพลงประจำกัณฑ์

ใจความ

กัณฑ์ทศพร

สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส

๑๙

สาธุการ

พระนางผสุดีในอดีตชาติได้ตั้งความปรารถนาขอให้ได้เป็นพระอินทร์ ๑๐ ประการ

กัณฑ์หิมพานต์

สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส

๑๓๔

ตวงพระธาตุ

พระเวสสันดรประสูติ ตรงกับนางช้างตกลูกชื่อปัจจัยนาเคนทร์

กัณฑ์ทานกัณฑ์

สำนักวัดถนน

๒๐๙

พญาโศก

พราหมณ์ขอปัจจัยนาเคนทร์ พระเวสสันดรถูกเนรเทศออกจากพระนคร ระหว่างทางพระราชทานสัตสดกมหาทาน

กัณฑ์วนปเวสน์

รัชกาลที่ ๔

๕๗

พญาเดิน

กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์เดินทางมาถึงเมืองเจตราษฎรและเสด็จไปประทับที่เขาวงกต

กัณฑ์ชูชก

สำนักวัดสังข์กระจาย

๗๙

เซ่นเหล้า

ชูชกได้นางอมิตตาเป็นภรรยา นางอมิตตาให้ชูชกไปทูลขอกัณหา ชาลี

กัณฑ์จุลพน

รัชกาลที่ ๔

๓๕

คุกพาทย์

พรานเจตบุตรชี้ทางให้ชูชกไปเขาวงกต

กัณฑ์มหาพน

พระเทพโมลี (กลิ่น)

๘๐

เชิดกลอง

พระอัจจุฤๅษีบอกทางแก่ชูชก

กัณฑ์กุมาร

เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

๑๐๑

โอดเชิดฉิ่ง

พระเวสสันดรพระราชทานสองกุมาแก่ชูชก

กัณฑ์มัทรี

เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

๙๐

ทยอยโอด

เทวดาสร้างนิมิตเป็นสัตว์ร้ายขวางทางพระนางมัทรี พระนางมัทรีตามหาสองกุมาร

กัณฑ์สักบรรพ

รัชกาลที่ ๔

๔๓

กลม

พระอินทร์แปลงองค์ลงมาขอพระนางมัทรีและให้พรแพระนางมัทรี ๘ ประการ

กัณฑ์มหาราช

สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส

๖๙

กราวนอก

พระเจ้ากรุงสหชัยไถ่ตัวกัณหา ชาลี จากชูชก

กัณฑ์ฉกษัตริย์

สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส

๓๖

ตระนอน

กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์พบกันเกิดฝนโบกขรพรรษ

กัณฑ์นครกัณฑ์

สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส

๔๘

กลองโยน

พระเวสสันดรกลับพระนครและครองพระนครด้วยความสุข

 

ความรู้เพิ่มเติม

ทศชาติชาดก

ทศชาติชาดก เป็นเรื่องราวของพระพุทธเจ้าตอนเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ๑๐ ชาติก่อนจะตรัสรู้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละชาติทรงบำเพ็ญ “ทศบารมี” ต่าง ๆ กัน เรียกว่า หัวใจพระเจ้าสิบชาติ

ชาติที่ เตมียชาดก ( เต ) ทรงบำเพ็ญเนกขัมบารมี คือ การออกบวช เนื้อเรื่อง คือ พระชาตินี้ทรงเกิดเป็นกษัตริย์ แต่แกล้งทำเป็นใบ้ เพื่อจะเสด็จออกบรรพชาได้สะดวก

ชาติที่ ๒ มหาชนกชาดก ( ชะ ) ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี คือ ความเพียร เนื้อเรื่อง คือ พระมหาชนกทรงโดยสารเรือ เรือแตกต้องว่ายอยู่ในมหาสมุทรถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ในที่สุดขึ้นฝั่งได้จากการช่วยเหลือของเทวดาผู้รักษามหาสมุทร

ชาติที่ ๓ สุวรรณสามชาดก ( สุ ) ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี คือ ความเมตตา เนื้อเรื่อง คือ พระสุวรรณสามทรงเมตตาสัตว์ในป่าและมีความกตัญญูกตเวทีเลี้ยงดูบิดามารดาที่ตาบอดอยู่ในป่า

ชาติที่ ๔ เนมิราชชาดก ( เน ) ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ มีความตั้งใจมั่น เนื้อเรื่อง คือ พระอินทร์ให้มาตุลีเทพบุตรพาพระเนมิราชไปชมนรกสวรรค์

ชาติที่ ๕ มโหสถชาดก ( มะ ) ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ มีปัญญา เนื้อเรื่อง คือ พระมโหสถ ทรงใช้ปัญญาแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ชาติที่ ภูริทัตชาดก ( ภู ) ทรงบำเพ็ญศีลบารมี คือ การรักษาศีล เนื้อเรื่อง คือ พระภูริทัตถูกหมองูจับตัวไป แต่ก็มิได้ทรงทำอันตรายหมองู เพราะเกรงว่าศีลจะขาด

ชาติที่ ๗ จันทกุมารชาดก ( จะ ) ทรงบำเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดทน เนื้อเรื่อง คือ พระชาตินี้พระองค์ถูกจับบูชายันต์ แต่ในที่สุดพระอินทร์มาช่วยไว้ได้

ชาติที่ ๘ นารทชาดก ( นา ) ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือ การวางเฉย เนื้อเรื่อง คือ พระองค์ทรงเกิดเป็นพระพรหม แปลงลงมาทรมานกษัตริย์ที่มิจฉาทิฐิ ให้กลับเป็นสัมมาทิฐิตามเดิม

ชาติที่ ๙ วิทูรชาดก ( วิ ) ทรงเพ็ญสัจจาบารมี คือ การมีสัจจะ เนื้อเรื่อง คือ พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดปุณกยักษ์ให้หมดยศ

ชาติที่ ๑๐ เวสสันดรชาดก ( เว ) ทรงบำเพ็ญทานบารมี คือ การให้ทาน เนื้อเรื่อง คือ พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทานต่าง ๆ โดนเฉพาะอย่างยิ่งบุตรทารทานบารมี คือ การให้บุตรภรรยาเป็นทาน ชาตินี้เป็นพระชาติสุดท้าย นับว่าเป็นพระชาติที่ยิ่งใหญ่ จึงเรียกพระชาตินี้ว่า “มหาชาติ”

ทศบารมี

คือ บารมี ๑๐ ประการที่พระเวสสันดรบำเพ็ญจนครบในชาติเดียว มีดังนี้

๑. เมื่อประสูติได้ตรัสกับพระมารดาว่าจะบำเพ็ญทานและการบริจาคทานทั้งปวงเป็น ทานบารมี

๒. เมื่ออยู่ในฆราวาสวิสัย ทรงรักษาเบญจศีลตลอดเวลา และรักษาอุโบสถศีลทุกๆ ครึ่งเดือนเป็น ศีลบารมี

๓. เมื่อละกามคุณ ทรงผนวชเป็นดาบสอยู่ที่เขาวงกต เป็น เนกขัมมบารมี

๔. เมื่อทรงดำริที่จะให้อัชฌัติกทานตั้งแต่ยังอยู่ในทารกภูมิ และเมื่อพระราชทานโอรสทั้งสองแก่ชูชก ทรงใช้วิจารณญาณช่วยให้บรรเทาความเศร้าโศกเสียใจได้ เป็น ปัญญาบารมี

๕. เมื่อดำรงราชสมบัติทรงอุตสาหะเสด็จออกสู่โรงทาน ๖ แห่ง ทุกๆ ครึ่งเดือน ไม่เคยขาด เมื่อออกบรรพชา ทรงอุตสาหะบูชาไฟตลอด เป็น วิริยบารมี

๖. ไม่พิโรธพระราชบิดาที่สั่งให้เนรเทศพระองค์ และทรงอดกลั้นความโกรธ เมื่อเห็นชูชกเฆี่ยนตีพะโอรสทั้งสอง เป็น ขันติบารมี

๗. เมื่อตรัสปฏิภาณว่าจะให้บุตรทานแก่พราหมณ์ ก็ทรงบริจาคให้ตามสัตย์ นับว่าเป็น สัจบารมี

๘. เมื่อทรงสมาทานมั่น ไม่ให้พระหฤทัยอาลัยพระโอรสทั้งสองและเมื่อกระทำพระทัยมั่นมิได้ หวั่นไหวเกรงภัยจากกองทัพของพระเจ้ากรุงสญชัยที่จะมารับพระองค์กลับพระนคร นับเป็น อธิษฐานบารมี

๙. เมื่อแผ่พระเมตตาแก่ชาวกลิงคราษฎร์ เมื่อพระราชทานช้างปัจจัยนาค และเมื่อสถิตในเขาวงกตได้แผ่พระเมตตาแก่สรรพสัตว์ทั่วไปเป็น เมตตาบารมี

๑๐. เมื่อตัดความเสน่หาอาลัยในพระโอรสทั้งสองได้ ไม่โกรธชูชก ทั้งประทับเป็นมัชฌัตตารมณ์ ไม่รักไม่ชังผู้ใดเป็น อุเบกขาบารมี

ทศพร

พร ๑๐ ประการ ที่พระอินทร์ประทานให้พระนางผสุสดี

๑. ให้ได้อยู่ในปราสาทของพระเจ้าสีวีราชแห่งกรุงสีพี

๒. ให้มีจักษุดำดุจนัยน์ตาของลูกเนื้อทราย

๓. ให้มีคิ้วโก่งดำสนิท

๔. ให้มีพระนามว่าผสุสดี

๕. ให้มีพระโอรสที่ฝักใฝ่ในการบริจาคทาน

๖. เมื่อเวลาทรงครรภ์มิให้ครรภ์ปรากฏนูนเหมือนสตรีสามัญ

๗. ให้มีถันอันงาม เวลาทรงครรภ์มิให้ดำและหย่อนยาน

๘. ให้มีเกศาสนิท

๙. ให้มีผิวงาม

๑๐. ให้มีอำนาจปลดปล่อยนักโทษได้

พร ๘ ประการ ที่พระอินทร์ประทานให้แก่พระเวสสันดร

๑. ให้บิดาเสด็จมารับพระองค์กลับไปครองราชย์ในนคร

๒. ให้ได้ปลดปล่อยนักโทษทั้งหมด

๓. ให้ได้ช่วยเหลือคนยากจนให้บริบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ

๔. อย่าให้ลุอำนาจสตรีให้พอใจแต่พระชายาของพระองค์

๕. ให้กุมารทั้งสองมีมายุยืนนานและเป็นกษัตริย์สืบราชสมบัติ

๖. ให้ฝนแก้วทั้ง ๗ ประการ ตกในนครสีพีเมื่อพระองค์เสด็จกลับไป

๗. ให้ได้บริจาคทรัพย์แก่คนยากจน ด้วยสมบัติในท้องพระคลังอันไม่รู้หมดสิ้น

๘. เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต และในพระชาติต่อมาให้ได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า

การบริจาคทานของพระเวสสันดรที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ๗ ครั้ง มีดังนี้

๑. เมื่อทรงปฏิญาณว่าบริจาค พระหทัย พระเนตร พระมังสา หรือพระโลหิต ถ้ามีผู้มาขอ

๒. เมื่อพระราชทานช้างปัจจัยนาค

๓. เมื่อพระราชทานมหาทานก่อนเสด็จไปประทับที่เขาวงกต

๔. เมื่อพระราชทานพระโอรสทั้งสองแก่ชูชก

๕. เมื่อพระราชทานพระนางมัทรีแก่พระอินทร์ที่แปลงเป็นพราหมณ์

๖. เมื่อได้พบพระราชบิดา และพระราชมารดาอีกครั้งในป่า

๗. เมื่อเสด็จนิวัติพระนครสีพี


คุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่ปรากฏในร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี

๑. การใช้ธรรมชาติเปรียบกับความทุกข์โศกของพระนางมัทรี

เนื้อหากัณฑ์มัทรีนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับพระนางมัทรีอย่างชัดเจน สภาพธรรมชาติที่แตกต่างไปจากปกติ แสดงให้เห็นว่าเป็นลางบอกเหตุแก่พระนางมัทรีว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น ดังว่า

“…เหตุไฉนไม้ที่มีผลเป็นพุ่มพวง ก็กลับกลายเป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร แถวโน้มก็แก้วเกดพิกุลแกมกับกาหลง ถัดนั่นก็สายหยุดประยงค์และยมโดย พระพายก็พัดร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แม่ยังได้เก็บเอาดอกมาร้อยกรองไปฝากลูกเมื่อวันวาน ก็เพี้ยนผิดพิสดารเป็นพวงผลผิดวิกลแต่ก่อนมา (สพฺพามุยฺหนฺติ เม ทิสา) ทั้งแปดทิศก็มืดมนทุกหนแห่ง ทั้งขอบฟ้าก็ดาษแดงเป็นสายเลือดไม่วนนวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบข้าง…” และ

…โอ พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนดูนี่สุกใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไนเรไรร้องอยู่หริ่งๆ ระเรื่อยโรย โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร โอ…เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสหมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก เออ ชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวิโยคพลัดพรากไปจากอกพระมารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้…”

ลักษณะธรรมชาติมีอารมณ์ร่วมทุกข์ในตัวละครมักปรากฏในวรรณคดีไทยถือเป็นกลวิธีการแต่งประการหนึ่งที่เน้นย้ำความทุกข์และความเศร้าโศรกของตัวละครหรืออการที่ตัวละครใช้ธรรมชาติเป็นที่ระบายความทุกข์ เช่น

“…จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบเป็นไรจึ่งขอดข้นลงขุ่นหมองพระพายเจ้าเอ๋ยเคยมาพัดต้องกลีบอุบล พากกลิ่นสุคนธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสื่อมหอมหายชื่นไม่เฉื่อยฉ่ำฝูงปลาเอ๋ยเคยมาผุดคล่ำดำแฝงฟองบ้างก็ขึ้นล่องว่ายเลื่อนชมแสงเดือนอยู่พราย ๆ เป็นไรจึ่งไม่ว่ายเวียน นกเจ้าเอ๋ยเคยบินลงไล่จิกเหยื่อทุกเวลา วันนี้แปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น…”

. การเล่นเสียง

๒.๑ การเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะเสียงเดียวกันต่อๆ กันหลายคำ เช่น

“ ก็กลายเป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร”

“ สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีดวิ่งวนแวะเข้าข้างทาง พระทรวงนางสั่นระรัวริกเต้นดั่งตีปลา”

“ พระองค์เห็นพิรุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน ทอดพระเนตรสังเกตไว้แต่ปางก่อนจึงเคือง ค่อนด้วยคำหยาบยอกใจเจ็บจิตเหลือกำลัง”

“ พระพายรำเพยพัดมาฉิวเฉื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่งๆ”

“ ครั้นจะลีลาหลีกตัดเดาไปทางใดก็เหลือเดิน ทั้งสองข้างเป็นโขดเขินขอบคันขึ้นกั้นไว้”

๒.๒ การเล่นเสียงสัมผัสสระ ที่เป็นเสียงเสนาะอันเกิดจากการเล่นเสียงสระ เช่น

“ นางก็ถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาดระเนนเอนก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นั่งเจ้า นั้นแล”

๒.๓ การเล่นทั้งเสียงสัมผัสพยัญชนะและสระ เช่น

“ แม่ยังกลับหลังมาโลมลูบจูบกระหม่อมจอมเกล้าทั้งสองเรา”

“ เจ้าเคยเคียงเรียงเคียงหมอนนอนแนบข้างทุกราตรี”

“ โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น”

๓. การเล่นคำ

มีการเล่นคำที่เรียกว่า “สะบัดสะบิ้ง” ซึ่งจะคำแบ่งคำออกเป็นสองกลุ่มเท่าๆ กัน แล้วซ้ำคำเดียวกันที่มีเสียงสระสั้นในพยางค์หน้า ส่วนพยางค์หลังเล่นเสียงพยัญชนะเดียวกันแต่ต่างเสียงสระกัน ก่อให้เกิดจังหวะคำที่ไพเราะ เช่น คำว่า “สะอึกสะอื้น” ในข้อความว่า “พระนางยิ่งหมองศรีโศกกำสรดสะอึกสะอื้น” และคำว่า “ตระตรากตระตรำ” ในข้อความว่า “อุตสาหะตระตรากตระตรำเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้” และการเล่นคำซ้ำดังนี้

“…ควรจะสงสารเอ่ยด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยกิ่งก้านประกวดกัน ใบชอุ่มเป็นชุ่มช่อเป็นฉัตรชั้นดั่งฉัตรทอง แสงพระจันทร์ดิ้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆ อยู่พรายๆ … พระพายรำเพยพัดมาฉิวเรื่อย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยู่หริ่งๆ”

๔. การใช้ภาพพจน์

ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีเป็นกัณฑ์ที่มีความไพเราะเป็นอย่างยิ่งอีกทั้งการใช้ถ้อยคำสละสลวยทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพด้วยการเลือกสรรความเรียงลักษณะต่างๆ โดยสื่อผ่านภาพพจน์ในหลายลักษณะ คือ

๔.๑ การใช้ภาพพจน์แบบอุปมา เป็นการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่าเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง เช่น

เปรียบเทียบพระทัยเต้นระทึกของพระนางมัทรีกับกายอันสั่นรัวของปลาที่ถูกตี ดังปรากฏในเนื้อความว่า “พระทรวงนางสั่นระริกดั่งตีปลา” เปรียบความเจ็บปวดพระทัยของนางมัทรีที่พระเวสสันดรไม่ยอมตรัสตอบว่าราวกับถูกแทงด้วยเหล็กเผาไห หรือมิเช่นนั้นก็ราวกับแพทย์เอายาพิษให้คนไข้ที่มีอาการหนักอยู่แล้วกิน ทำให้อาการทรุดเพียบหนักลงไปอีก ซึ่งคงจะรอดชีวิตได้ยาก ดังปรากฏในเนื้อความว่า “นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัยดั่งเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลือทน อุปมาเหมือนคนไข้หนักมิหนำยังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้ำให้เวทนา เห็นชีวานี้คงจะไปไม่รอดสักกี่วัน”

“…พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้ แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไหว้จะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ (วจฺฉา พาลาว มาตรํ) มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง”

“…โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร โอ เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก”

“…ทั้งลูกรักดั่งแก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยู่ไปไยให้ทนเวทนา อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลดาวัลย์ย่อมจะอาสัญลงเพราะลูกเป็นเที่ยงแท้…”

๔.๒ การใช้ภาพพจน์แบบอุปลักษณ์เป็นการเปรียบว่าอีกสิ่งหนึ่ง “เป็น” หรือ “คือ” อีกสิ่งหนึ่ง เช่น

“หวังว่าจะเป็นเกือกทองฉลองบาทยุคลทั้งคู่แห่งพระคุณผัว”

“ก็น้ำใจของมัทรีนี้กตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสู่ทางทดแทน”

๔.๓ การใช้ภาพพจน์แบบสัทพจน์เป็นการเลียนเสียง

นอกจากนี้ยังมีการใช้สัทพจน์หรือคำเลียนเสียง ทำให้ข้อความมีชีวิตชีวานิ่งขึ้น เช่น

“แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง”

“สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง”

“เสียงนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขันทั้งจักจั่นพรรณลองไนเรไรร้องอยู่หริ่งๆ ระเรื่อยโรย”

๔.๔ การใช้ภาพพจน์แบบบุคลวัต เป็นการใช้ภาพพจน์ที่มีชีวิตที่มิใช่มนุษย์และสิ่งไม่มีชีวิต ทำกิริยาอาการเลียนแบบมนุษย์ เช่น

“ได้ยินแต่เสียงดุเหว่าละเมอร้องก้องพนาเวศ”

“ทั้งพื้นป่าพระหิมพานต์ก็ผิดผันหวั่นไหวอยู่วิงเวียน”

“เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน”

ความคิดเห็น :
1
อ้างอิง

AP
ขอบคุณมากค่ะ
 
AP [171.6.243.xxx] เมื่อ 28/09/2017 15:38
2
อ้างอิง

Joy
 
Joy [68.202.141.xxx] เมื่อ 14/03/2019 03:05
3
อ้างอิง

Joy
| Miami Warehouse Space | Office Planning Space | Los Angeles Office Rent | Fontaine Research Park Charlottesville | Central Florida Research Park | 1031 | Commercial Properties Tulsa | Commercial Property For Lease In Wisconsin | Commercial Real Estate Pennsylvania | Commercial Property For Sell | Legacy Office Park | Chicago Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Kansas | Commercial Estate Real Seattle | Mid America Business Park | Comercial Property | Maryland Commercial Real Estate Agents | Indianapolis Commercial Real Estate For Sale | Chicago Commercial Realestate For Sale | Asu Research Park Tempe | Industrial Business Park | Grand Rapids Industrial Real Estate | Commercial Real Estate Utah | Commercial Lease Properties | Warehouses For Sale | Commercial Property Loan Interest Rates | Business Real Estate Commercial Brokers | Boston Commercial Office Space | Commercial Property For Rent Orlando | Commercial Real Estate Wilmington Nc | Commercial Office Space For Sale | Commercial Real Estate Financing | Garden Office Space | Nh Commercial Real Estate | Cheap Hotels For Sale | Wake Forest Business Park | Hotel Franchises | Commercial Property Charleston Sc | Michigan Commercial Property | Office Building For Lease | Commercial Real Estate Salem Oregon | National Business Parks | Jersey New Office Space | Wisconsin Commercial Real Estate | Office Building For Sale | Featured Links Collection | Commercial Office Space Los Angeles | Leasing A Commercial Property | Commercial Estate Lease Miami Real Warehouse | Commercial Miami Property | Commercial Real Estate | Griffis Business And Technology Park | Commercial Real Estate Broker California | Commercial Real Estate Investing | Global Business Park | Commercial Real Estate Brokers Denver | Sacramento California Commercial Properties | New Jersey Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Magazine | Commercial Real Estate Tampa Florida | Nyc Commercial Office Space | Commercial Real Estate In Charlotte Nc | Commercial Real Estate For Sale | Green Office Buildings | Property Lease | Dallas Office Space Leasing | Arkansas Commercial Real Estate Washington | Commercial Real Estate Fort Worth Texas | California Commercial Real Estate Agents | Miami Office For Rent | Commercial Realtor In Phoenix | | Commercial Real Estate Jefferson City Mo | Commercial Real Estate Washington Dc | Business Property | Commercial Real Estate For Lease Marshall Michigan | Commercial Real Estate In South Florida | Commercial Real Estate Norfolk | Commercial Real Estate Dallas | Commercial Real Estate Listing | Commercial Real Estate Oceanside | Nebraska Technology Park | commercial real estate companies | Research Park Salt Lake City | Commercial Real Estate Brokers Birmingham Al | Lincolnton Industrial Park | Commercial Property Miami | Commercial Property For Lease In Rochester | Commercial Property Agents | Comercial Property | Dallas Space Warehouse | Commercial Industrial Space For Rent | Lease Rent | Office Space For Lease | Scottsdale Commercial Real Estate Listing | Medical Office Space For Lease | Hotels And Resorts For Sale | Commercial Real Estate Broker | Indianapolis Office Space | Commercial Real Estate Brokers Texas | Commercial Real Estate Boston | Commercial Real Estate Brokers San Jose California | Commercial Warehouse For Sale | new york commercial real estate | Office Space And Nj | Commercial Realtors | Building For Rent | Commercial Real Estate Daytona Beach Fl | Commercial Property For Lease Washington | Lease Miami Warehouse | Commercial Properties For Sell | Stony Brook Office Park | Edgewater Office Park Wakefield | Florida Office Space For Rent | Commercial Real Estate Washington D C | Business Lease Space | Hong Kong Science And Technology Park | Commercial Property For Sale In California | Houston Commercial | Hotel Motel For Sale In Tn | Bluegrass Industrial Park | Business Properties | South Florida Commercial Office Space | Commercial Property Listings For Sale | Business Space | Michigan Commercial Property | Commercial Real Estate Nj | Chicagoland Commercial Property | Downtown Chicago Office Space | Commercial Property | Office Realty | Commercial Real Estate Dallas | Commercial Real Estate Agent | Commercial Property For Sale | Miami Warehouses | Office For Rent | Commercial Real Estate Manistee Mi | Commercial Properties Clarksville | Rental Warehousing | Commercial Real Estate Mortgage Broker | Hotel For Sale Ca | Cambridge Research Park | Carnegie Office Park | Fontaine Research Park | Eastpoint Business Park | Commercial Real Estate Broker Miami | Florida Commercial Property For Rent | Nyc Commercial Real Estate Brokers | Commercial Office Buildings For Sale | Commercial Estate In Maryland Real | Commercial Real Estate Reno Nevada | Regency Office Park | Commercial Real Estate In New Hampshire | Commercial Space For Lease Atlanta | Carbondale Millbrook Office Rental | Georgia Hotel For Sale | Environmental Research Park | Commercial Estate Lease Miami Real | Doral Florida Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Nyc | Orange Office Space | Industrial Warehouse Space | Visalia Ca Commercial Real Estate | Seattle Commercial Real Estate | Houston Office Space For Rent | Commercial Real Estate Reno Nv | Research Park Charlotte Nc | Dallas Commercial Office Space | Miami Office Rental | Miami Warehouses For Lease | Manhattan Office | Commercial Real Estate Roanoke Va | Real Estate Rental Commercial Miami | Cold Storage Facilities For Sale | Baltimore Commercial Real Estate | Commercial Property In Houston | New Jersey Commercial Real Estate Broker | Miami Florida Commercial Real Estate | Commercial Real Estate In South Carolina | Commercial Real Estate La Jolla | Great Oaks Office Park | Office Space London | Commercial Estate Real Waunakee Wi | Atlanta Commercial Property | Lease Warehouse Space Florida | Commercial Real Estate Virginia | Rockwall Technology Park | Commercial Real Estate Online | Innovation Prince William Technology Park | office space for lease miami | Commercial Building For Sale Las Vegas | Retail Space For Lease In Maryland | Commercial Real Estate In Utah | Commercial Mortgage | Westborough Technology Park | California Commercial Real Estate | Commercial Property Broker | Hotel Motel For Sale In Usa | Surrey Research Park | Central Research Park | Commercial Realtors | Commercial Warehouse Property For Lease | Miami Warehouse For Lease | Dallas Office Space For Lease | Hotel For Sale In California | Prospect Hill Office Park | Kannapolis Research Park | 1031 Exchange Properties | Evanston Research Park | Warehouse For Sale | Retail Space For Lease | Commercial Property Florida | Ut Baptist Research Park | Office Space For Lease In Orlando | Commercial Real Estate Agents | Commercial Real Estate Pittsburgh | San Diego Commercial Office Space | Commercial Property For Sale In California | Miami Warehouse Lease | Houston Retail Space | Nashville Commercial Real Estate | Md Commercial Real Estate | Hotels For Sale In North Carolina | Sunset Office Park | South Miami Commercial Real Estate | Hotels For Sale In New York | Property Listing | Jacksonville Florida Commercial Real Estate | Cambell Industrial Park | Spring Valley Business Park | Miami Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Peoria Illinois | Commercial Business Space For Lease | Commercial Real Estate Brokers | Philadelphia Office Space | Bucks County Technology Park | Warehouses For Sale | Commercial Property Search South Beach | Manhattan Office Rent Space | Oregon Commercial Real Estate For Sale | Commercial Real Estate Listing Services | Buying Commercial Property | Office Space Atlanta Ga | Georgia Commercial Real Estate | Available Commercial Space | Commercial Real Estate Miami Fl | Cornell Equine Research Park | Hotels Sale | Overlook Office Park | Hotel Items For Sale | Corporate Office Building | Corporate Woods Office Park | Commercial Real Estate Ny | Buildings For Sale | Apex Industrial Park | Commercial Industrial Rental Leasing | Industrial Property For Sale | Mansfield Industrial Park | Hall Office Park Frisco | Des Moines Commercial Real Estate | Oregon Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Broker | Delaware Commercial Property | Negotiating Commercial Real Estate Lease | Hotels For Sale In Usa | Commercial Property For Lease In Atlanta | 1031 Property Exchange | Commercial Estate Lease Purchase Real | Northwest Business Park | Commercial Property Nj | Charlotte Commercial Real Estate | Warehouse Space | Office Space For Rent Miami | Hood Business Park | Commercial Office Buildings | Warehouse For Sale Miami | | Commercial Real Estate Virginia Beach | Commercial Real Estate Broker Los Angeles | Miami Warehouses For Lease | Bulgaria Commercial In Sale | Cummings Research Park Huntsville | Commercial Real Estate Reno Nevada | | Refinance Commercial Property | Space For Lease | Commercial Lease Office Space | Office Seattle Space | Industrial Building | Commercial Properties For Sale Md | Commercial Office Space | Chicago Commercial Properties | Kentucky Property | Doral Fl Commercial Real Estate | Commercial Foreclosure | Commercial Property Michigan | Warehouse For Lease | Miami Commercial Mortgage | California Commercial Real Estate | Orlando Office Space For Lease | Florida Orlando Retail Space | Atlanta Commercial Real Estate Agent | Fall River Industrial Park | Motel For Sale | Iowa Commercial Real Estate | Oregon Commercial Real Estate Property Listings | Resort Hotel For Sale | St Joseph Office Park | Warehouse For Sale | Commercial Real Estate Listing | Commercial Space For Lease | Commercial Broker | Office For Lease | Kansas City Commercial Real Estate | Las Vegas Commercial Real Estate Brokers | Hotel Sale Fort Lauderdale Fl | Fha Commercial Mortgage | Cherry Hill Office Park | Commercial Real Estate Utah | Commercial Real Estate Portland Oregon | Lease Memphis Office Space | Las Vegas Hotel Sale | Chicago Commercial Properties | Westwood Office Park Fredericksburg | Broker California Commercial Property | Industrial Property | Commercial Realtor Palm Beach | Arizona Science And Technology Park | Lease Office Space | Indiana Commercial Properties For Sale | Business Real Estate For Sale | New Office Buildings | Commercial Real Estate Properties For Sale | Commercial Real Estate Detroit | Commercial Real Estate Little Rock Ar | Commercial Estate Lease Real | North Office Building | Agent Commercial Estate Real | Commercial Real Estate Nc | Southport Business Park | Rental Office Space | Colonial Lakes Office Park | Perinton Hills Office Park | Motel For Sale Florida | Austin Texas Office Space | Miami Commercial Realtors | Commercial Real Estate Phoenix | Commercial Real Estate Sites | Empire State Building Office Space | Commercial Property For Lease In Ga | Commercial Property Lowndes County Georgia | Warehousing Facilities | Commercial Real Estate Brokers | Houston Commercial Real Estate Brokers | New Office Building | Phoenix Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Pa | New Castle Indiana Commercial Property | Philadelphia Commercial Real Estate | Warehousing And Distribution | Las Vegas Office Space | Hotel And Motel For Sale | Miami Dade Commercial Real Estate | Eastridge Business Park | Arizona Retail Space For Lease | Commercial Property Sales | Ny Office Space | | Warehouse Lease Miami | Houston Retail Space | Commercial Real Estate Brokers Ann Arbor Michigan | Quonset Business Park | Sacramento Commercial Real Estate Listing | Miami Dade Commercial Real Estate | Commercial Rental | Vineland Industrial Park | South Florida Commercial Property | Jacksonville Florida Commercial Real Estate | Office Suites | Nj Rent Warehouse | Commercial Real Estate New Jersey | Commercial Real Estate Billings Montana | Commercial Estate Miami Real Sales | Manhattan Commercial Realty | Florida Office Space | Office Space Rent | El Paso Commercial Real Estate | Retail Space In Nyc | Transport And Warehousing | Office Buildings | Greenfield Industrial Park | Las Vegas Commercial Property | Commercial Leasing Of Property | Riverfront Industrial Park | Office Space To Lease | Commercial Warehouse Property For Lease | Warehouse For Lease | Corporate Offices Miami | Class A Office Buildings | Warehouse For Sale In Miami Florida | Association Of University Research Parks | Northcreek Office Park | Brokerage Commercial | Louisiana Office Building | Office Space | Commercial Real Estate Rates | Commercial Leasing | Commercial Real Estate Tampa Florida | Orlando Commercial Real Estate | HomePage | Colorado Hotels For Sale | Corporate Office Park | Hotel Motel For Sale Ga | Sunset Industrial Park | Virginia Commercial Real Estate | Commercial Property In Miami | Crossroads Business Park | Griffiss Technology Park | Commercial Real Estate In Miami | 1031 Las Vegas | Commercialrealestate | Rochester Commercial Real Estate | Maryland Commercial Real Estate | Commercial Properties In Las Vegas | Commercial Estate Listing Real | Industrial Park Danvers Ma | Keystone Industrial Park Bristol | Houston Texas Commercial Real Estate | Willowbrook Office Park | Commercial Real Estate In New Mexico | Oklahoma Commercial Real Estate | Commercial Real Estate Brokers Maine | Resort Hotel For Sale | Warehouses Miami Airport Area | Commercial Property Rental Info | Miami Commercial Realestate |  
Joy [68.202.141.xxx] เมื่อ 14/03/2019 03:06
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :